ขยายธุรกิจสตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซของคุณ

ตารางคอนเทนต์

ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านโลจิสติกส์และการบริการได้ที่นี่!

เวลาในการอ่าน: 3 นาที

ในโลกอีคอมเมิร์ซ Fulfillment ความพึงพอใจของลูกค้า ความเร็ว และความน่าเชื่อถือ คือ กุญแจสำคัญในการทำธุรกิจ แน่นอนว่าใครๆ อยากเอาใจลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทั้งผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ราคเป็นมิตร พร้อมทั้งบริการจัดส่งสินค้าเร็วรวดทันใจ อย่างไรก็ตามนักรบย่อมมีบาดแผล ในสนามรบอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งที่สูงมาก คงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีอุปสรรคและความท้าทายมากมายสำหรับผู้ทำธุรกิจ ใครอ่อนแอก็แพ้ไป 

ยกตัวอย่างเช่น Amazon สินค้าส่วนใหญ่มีต้นทุนไม่แพง แต่เจ้าของร้านในแพลตฟอร์มนี้ได้สาร้างภาพลักษณ์ทางการตลาดให้ดูดีและน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งมีบริการจัดการสินค้าและจัดส่งที่สะดวกและรวดเร็วอีกด้วย ดังนั้น สำหรับเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซมือใหม่ จะต้องมีกลยุทธ์วางผนธุรกิจปังๆ และกำหนดทิศทางการเติบโตของธุรกิจว่าอยากจะเติบโตไปในทิศทางไหน 

  • ต้องการสร้างธุรกิจให้โต เอาชนะใจลูกค้ามากขึ้น และพัฒนาจนสร้างความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์จนเกิดการซื้อซ้ำ
  • อยากจะขยายธุรกิจและเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มช่องทางการขายในผ่านมาร์เก็ตเพลสในประเทศ มีเว็บไซต์ให้ลูกค้าเลือกซื้อของ หรือต้องการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ

ทั้งสองเส้นทางนี้ล้วนแล้วแต่ต้องโฟกัสในด้านบริการลูกค้า และสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์แบบไร้รอยต่อให้กับลูกค้า หมายความว่า ก่อนที่คุณจะมุ่งหน้าสร้างการเติบโตต่อธุรกิจของคุณ คุณต้องมั่นใจก่อนว่าสินค้าของคุณมีคุณภาพ คุ้มทุน และมีกำไรจากการค้าขาย และนี่ก็เป็นโอกาสที่คุณจะได้นำเสนอผลิตภัณฆ์ให้กับผู้ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว แต่คุณจะต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐาน การใช้งานของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และพิจารณาเลือกตัวช่วยทางธุรกิจอย่ารอบคอบ

คำถามที่คุณควรถามตัวเองก่อนจะสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้โต

การขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลกฟังดูเหมือนจะเป็นแผนที่ดูแล้วเข้าท่าดีนะ แต่ใช่ว่าง่ายเหมือนจกดสวิสต์และก็ขายสินค้าที่ประเทศนั้นประเทศนี้ได้เลย ก่อนอื่นให้วิเคราะห์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณก่อนที่จะคิดเรื่องการกระจายสินค้าไปยังทั่วทุกมุมโลก คุณจะต้องคำนึงถึงกฏหมายและมาตราการของประเทศนั้นๆ ด้วย รวมไปถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีอิทธิพลต่อธุรกิจคุณ ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณสามารถจัดการกับระบบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี 

คำถามดังต่อไปนี้จะสามารถช่วยให้คุณวางแผนรูปแบบธุรกิจของคุณได้ ให้ลองถามตัวเองว่า… 

คุณมีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่?

ก่อนที่คุณจะคิดวางแผนขยายธุรกิจ 3 องค์ประกอบที่คุณจะต้องมีในมือมีดังนี้ 

  • เทคโนโลยี
  • สินค้า
  • บุคลากร

คุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถให้บริการลูกค้าทั่วโลกได้ด้วยปัจจัย 3 ข้อข้างต้น เพราะมันเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายธุรกิจ ให้มองย้อนกลับมาดูที่ธุรกิจ และวางแผนอย่างถี่ถ้วนเพื่อเตรียมการในการแก้ปัญหาที่อาจเกิดในอนาคต

สิ่งที่ต้องพิจารณา มีดังนี้

  • คุณควรจ้างบุคคลภายนอก (Outsource) สำหรับการขาย การตลาด การออกแบบ และการแปลภาษาหรือไม่?
  • มันจะทำกำไรได้หรือไม่ถ้าหากคุณเลือกที่จะผลิตและกระจายสินค้าออกจากพื้นที่ด้วยการทำ Fulfillment ที่เดิมที่มีอยู่แล้ว? หรือคุณควรเปิดสร้างพื้นที่แห่งใหม่เพื่อให้เข้าใกล้ตลาดกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น?

ทั้งหมดที่กล่าวไว้ข้างต้นล้วนแล้วแต่ใช้เวลาในการหาคำตอบ แต่คำตอบนั้นจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนเดินหน้าเพื่อขยายธุรกิจของคุณให้อยู่รอดเติบโตได้ หรือคุณอาจจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดแผนการต่าง ๆ จนกว่าจะมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการดำเนินหน้าต่อไป

เทคโนโลยีที่คุณมีรองรับกับปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ หรือไม่?

ถ้าเทคโนโลยีที่คุณมีไม่มีความพร้อมรองรับการขยายตัว คุณจำเป็นต้องแก้ไขส่วนนี้ก่อน ความสำเร็จในการขยายธุรกิจขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณในการส่งต่อประสบการณ์บริการที่ดีไปยังลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ในภูมิภาคไหน เพื่อการจัดการให้ธุรกิจสตาร์ทอัพร้านค้าของคุณประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องออกสินค้าใหม่ จัดการ และรวบรวมระบบข้อมูลต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านตลาดที่หลากหลาย ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องมีความสามารถในการจัดการช่องทางการเข้าถึงสินค้าและการชำระเงินที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามาในอนาคต รวมไปถึงออกแบบเว็บไซต์หน้าร้านของคุณให้เหมาะกับคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถืออีกด้วย

หมายความว่า เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของคุณจำเป็นต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างเส้นทางเข้าถึงสินค้าได้ง่าย และเพิ่มจำนวนยอดสั่งซื้อ มี 4 ปัจจัยสำคัญที่คุณจำเป็นต้องออกแบบดูแลโครงสร้างด้านเทคโนโลยีให้แข็งแกร่งเพื่อการขยายธุรกิจให้ดีขึ้น

1. ระบบหน้าร้านค้าของคุณ

การพยายามขยายธุรกิจดูจะเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ถ้าหากว่าหน้าร้านของคุณไม่สามารถจัดการยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ ถ้าหากว่าปัจจุบันนี้คุณดำเนินธุรกิจของคุณผ่านเว็บไซต์หน้าร้านที่สร้างขึ้นมาเอง เราอยากให้คุณพิจารณาขยายช่องทางการซื้อขายไปยังลูกค้ามากขึ้น ถ้าหากคุณอยู่บนแพลตฟอร์มขายของเหล่านี้ที่คล้ายกับ Shopify หรือ Shopee แพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนวิธีการนำเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้กับร้านของคุณเพื่อการเติบโตของร้านค้า รวมไปถึงการนำฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่แพลตฟอร์มีให้นำมาปรับใช้กับร้านค้า ตัวอย่างเช่น Shopify Plus ช่วยให้ร้านค้าที่เกิดจากคนในพื้นที่ (Localized store) สามารถปรับและส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ได้เพียงจากขายผ่านหนึ่งแพลตฟอร์ม

2. การจัดการการตลาด การวิเคราะห์ และระบบจัดการบริหารความ

สัมพันธ์ลูกค้า

ในการขยายธุรกิจ มันเป็นเรื่องดีไม่น้อยหากมีการลงทุนในด้านระบบจัดการบริการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) เพื่อสร้างการซื้อซ้ำ การพัฒนายอดการซื้อซ้ำให้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการขยายธุรกิจ ทุกวันนี้มีบริการหลากหลายช่องทางและระบบจัดการ CRM ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายให้ได้ลองใช้ เช่น SuiteCRM Odoo หรือ Vtiger ระบบเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ถ้าหากคุณต้องการระบบที่สามารถใช้งานได้ทันที อัปเดตอยู่สม่ำเสมอ อาจจะลองมอง Zoho Hubspot หรือ Capsule CRM เป็นทางเลือกได้ ระบบข้างต้นนี้สามารถช่วยให้คุณจัดการการตลาด การขาย Fulfillment และบริการลูกค้าได้หลากหลายช่องทางผ่านหน้าจอแสดงผลของระบบนั้น ๆ 

ช่องทางการตลาด

อีกช่องทางหนึ่งในการขยายธุรกิจของคุณ คือ การขยายตลาด คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ไกลขึ้นผ่านการโฆษณาบนช่องทางต่าง ๆ ได้ฟรี แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง มันจะที่ดีสุดถ้าคุณเริ่มจ่ายเงินไปกับการโฆษณาบน Facebook Ads, Instagram Ads หรือแม้แต่การปรับเว็บไซต์ของคุณ ทำ SEO เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นเว็บไซต์คุณได้ง่ายขึ้น การลงทุนกับ Google Analytics เพื่อจัดการและพัฒนา การจ่ายโฆษณาก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี การเก็บข้อมูลและผลวิเคราะห์ต่าง ๆ ช่วยให้คุณเข้าใจตลาดมากขึ้นว่าช่องทางไหนที่คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด

การหาลูกค้าใหม่ และการตอบโต้ของลูกค้า (Conversion)

หนึ่งในสิ่งที่คุณต้องใส่ใจให้มาก ๆ คือ การหาต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อการหาลูกค้า 1 คน หรือ CAC ซึ่งเป็นต้นทุนในการโน้มน้าวใจให้ลูกค้ามาซื้อสินค้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยอด CAC มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบนตลาดอีคอมเมิร์ซ ค่าใช้จ่ายที่สูงในหาลูกค้าใหม่ ๆ นี้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องจัดการกับการตอบโต้ของลูกค้าปิดการขาย และการซื้อซ้ำเพื่อนำมาคำนวณกับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) คุณต้องมั่นใจก่อนว่าคุณมีความเข้าใจว่าทำไมลูกค้าถึงออกจากหน้าร้านคุณโดยไม่ได้ซื้ออะไร และคุณจำเป็นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อซ้ำ อะไรที่ทำให้ลูกค้าของคุณกลับเข้ามาอีก ลูกค้าชอบหรือประทับใจอะไร และจุดเปลี่ยนอะไรที่นำไปสู่การเลิกซื้อสินค้าของเรา การเก็บรักษาลูกค้าเก่าไว้มีต้นทุนที่น้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่เสมอ ถ้าเป็นไปตามที่คิดไว้ คุณอยากเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มช่องทางการขาย พัฒนาการปิดการขาย และนำสิ่งรบกวนต่าง ๆ ที่ขัดขวางการขายของคุณออก

3. การชำระเงิน และ การส่งสินค้า

นอกจากการออกแบบเว็บไซต์ และทำให้การเช็คเอาท์ของสินค้าราบรื่นแล้ว ยังมีอีก 2 กุญแจสำคัญที่ช่วยหน้าร้านของคุณ ได้แก่ การชำระเงิน และการส่งสินค้า

ทำให้แน่ใจก่อนว่าคุณได้รวบรวมช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายไว้ในที่เดียว โดยเฉพาะกับตลาดที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ ตัวอย่างเช่น มันจะดูไม่เข้าท่าเลยถ้าหากคุณมี Dragonpay หรือ eNets แต่กลับไม่มี Paypal สำหรับช่องทางในการชำระเงิน 57%ของนักช้อปออนไลน์พิจารณาช่องทางการจ่ายเงินผ่าน Paypal ในการซื้อสินค้าซื้อสินค้า

การส่งสินค้าเป็นอีกหนึ่งกุญแจในการปิดการขายที่หลาย ๆ คนมองข้าม โดยแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาดังนี้

  • ระยะเวลาการจัดส่ง
    1. ผลวิจัยจาก Arvato เผยว่า 25% ของลูกค้าที่ทิ้งตะกร้าและไม่ชำระเงินถ้าหากว่าระยะเวลากำหนดการส่งใช้เวลายาวนานเกินไป รวมไปถึงการไม่มีกำหนดและข้อมูลที่แน่ชัดของการจัดส่งอีกด้วย
    2. 53% ของนักช้อปกล่าวว่า ความเร็วในการจัดส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
    3. สุดท้ายนี้ 17% ของลูกค้ากล่าวว่า พวกเขาชอบให้ร้านค้าเหล่านี้มีทางเลือกในการจัดส่งสินค้าที่หลากหลาย
  • ค่าส่งสินค้า
    1. จากวิจัยที่ได้กล่าวข้างต้น 83%ของนักช้อปยังกล่าวอีกว่า ค่าจัดส่งที่ฟรีเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง
    2. ในปี 2019 มากกว่า 69% ของนักช้อประบุว่าเลือกที่จะทิ้งตะกร้าหากว่าค่าส่ง ภาษี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สูงเกินไป

4. การจัดการสินค้าและคำสั่งซื้อ

ในขณะที่คุณขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ การจัดการสินค้าเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าคุณจะทำตามที่เราได้เขียนลงในบทความนี้ แต่มันจะไม่เกิดผลเลยถ้าหากว่าคุณไม่สามารถจัดการกับจำนวนของสินค้าได้ พิจารณาสิ่งนี้ จากผลวิจัย 26% ของผู้บริโภคระบุว่า ถ้าสินค้าที่พวกเขาสนใจไม่มีในคลัง และไม่มีกำหนดว่าของจะมาเติมเมื่อไหร่ พวกเขาเลือกที่จะไม่ซื้อสินค้าและไม่รอจนกว่าของจะมี พวกเขาเลือกที่จะซื้อกับร้านค้าอื่น ๆ แทน

ดังนั้น นี้คือคำถามที่คุณต้องถามตัวคุณเอง

  • คุณมองเห็นภาครวมจำนวนสินค้าคงคลังของคุณทั้งหมดหรือไม่?
    • ต้องตรวจสอบการหมุนเวียนของสินค้าและจำนวนสินค้าที่ขายได้
    • ต้องตรวจสอบสินค้าหมดสต๊อกหรือมีจำนวนเหลือน้อยเพื่อการสั่งของมาเติมได้
    • จัดการสินค้าค้างสต๊อกไม่มีการเคลื่อนไหวได้
  • สินค้าในคลังของคุณมีการอัปเดตตามปัจจุบันหรือไม่?
    • หลีกเลี่ยงการยกเลิกเนื่องจากสินค้าหมด
  • คุณกำลังวางแผนที่จะขายสินค้าไปยังช่องทางอื่น ๆ หรือไม่?
  • คุณกำลังขายสินค้าออกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ หรือไม่?
    • คุณมีทีมงานบุคลากรในประเทศอื่น ๆ เพื่อจัดการสินค้าของคุณ หรือคุณแยกตัวทำเองทั้งหมด?
    • คุณขายของส่งออกจากแหล่งเดียวหรือจากหลายที่? คุณมีระบบรองรับการขยายตัวในอนาคตหรือไม่?
  • การจัดการคำสั่งซื้อ สถานะของคำสั่งซื้อมีความโปร่งใสสามารถตามติดข้อมูลได้ มีอะไรที่คุณต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า และอื่นๆ

เมื่อได้คำตอบเหล่านี้ คุณจึงจะสามารถโฟกัสไปยังสิ่งที่ควรพิจารณาด้านอื่น ๆ ต่อไปได้

คุณเข้าใจเส้นทางของผู้บริโภคในอนาคตหรือไม่?

สินค้าและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นตัวกำหนดตลาด และช่องทางสื่อโซเชียลแบบไหนเหมาะกับการขายของของคุณ พวกเขาตามหาสินค้าที่ต้องการซื้อได้อย่างไร? อะไรเรียกร้องให้พวกเขาคลิกเรียนรู้เพิ่มเติมและตัดสินใจกดสั่งซื้อ? ไม่ใช่ทุกช่องทางการโฆษณา มาร์เก็ตเพลสออนไลน์ในพื้นที่ หรือสื่อโซเชียลจะเหมือนกันทั้งหมด ลักษณะพฤติกรรมในการซื้อสินค้าของแต่ละแพลตฟอร์มและพื้นที่มีความแตกต่างกัน อยู่ที่ว่าคุณจะให้บริการลูกค้าเพื่อที่จะขยายธุรกิจของคุณออกเป็นวงกว้างให้แข็งแรงได้อย่างไร

คุณเคารพกฎหมายและมาตรการที่มีในประเทศของคุณหรือไม่?

ตลาดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยประสบปัญหากับสินค้าที่ขายส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ เว้นแต่ว่าเป็น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม หรืออุปกรณ์นิรภัย เป็นต้น สินค้าเฉพาะเจาะจงเหล่านี้มีกฎและข้อห้ามต่างเนื่องจากที่มาของวัสดุ ส่วนประกอบ หรือกฎหมายด้านความปลอดภัย เป็นต้น คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎและข้อห้ามในจัดเก็บ เคลื่อนย้าย รวมไปถึงเอกสารใบอนุญาตต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในตลาดนั้น ๆ หากคุณไม่ระมัดระวังและไม่ศึกษาให้รอบคอบอาจจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ซึ่งมีผลกระทบต่อการเติบโตของบริษัท

ราคาของคุณสอดคล้องกับราคาตลาดในพื้นที่หรือไม่?

มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีถ้าหากคุณตั้งราคาสูงกว่าตลาดที่คุณอยู่ เพราะคุณจำเป็นต้องรักษาระดับราคาให้พอดีสอดคล้องกับราคาในพื้นที่ โดยทั่วไปแล้วแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างด้านรายรับ ค่าเงิน และเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ คุณควรเตรียมตัวเพื่อสามารถปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจการเงินในพื้นที่ตลาดเป้าหมายของคุณ โดยให้จุดนี้กำหนดราคาขายของคุณ

นอกจากนี้ ต้องแน่ใจว่าราคาสินค้าสามารถตรวจสอบราคาได้หลากหลายค่าเงิน และมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายเพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า และทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย

คุณสามารถจัดการกับกำแพงด้านภาษาได้หรือไม่?

ยังพอมีโอกาสในการทำธุรกิจอยู่บ้างถ้าภาษาที่คุณใช้ในการนำสินค้าลงตลาดไม่ใช้ภาษาเดียวกันกับที่กลุ่มเป้าหมายใช้ แน่นอนว่าคุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่หนึ่งหรือที่สองของโลกในการทำการตลาด แต่การที่คุณปรับตัวให้เป็นเหมือนคนในพื้นที่ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ที่ตามมามากกว่า การทำการตลาดเฉพาะทางและการออกแบบเว็บไซต์โดยใช้ภาษาแม่ของกลุ่มลูกค้าถือว่าเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดูเหนือกว่า มันเป็นการบ่งบอกว่าคุณใส่รายละเอียดและทุ่มเทกับการบริการลูกค้า

ไม่ว่าคุณสร้างเว็บไซต์อย่างเจาะจงเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หรือใช้เพียงแค่ภาษาใดภาษาหนึ่ง ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่ว่าคุณสามารถจัดการได้กี่ช่องทางโดยที่ไม่ทำเนื้อหาตกหล่น อย่างไรก็ตาม คุณต้องระวังและใส่ใจมาก ๆ ในการแปลภาษา หากมีการแปลที่ไม่ถูกต้องออกไป อาจจะทำให้เนื้อหามีความเป็นทางการมากเกินไป ตามสมัยมากเกินไป หรืออาจจะทำให้ผู้อ่านไม่พอใจได้

คุณเข้าใจวัฒนธรรมและประชากรในท้องถิ่นหรือไม่?

นอกเหนือจากมาตรการข้อกำหนดจากรัฐบาลแล้ว ยังมีด้านวัฒนธรรมและข้อมูลประชากรที่คุณต้องพิจารณาเป็นอย่างมากเมื่อกระโดดเข้าสู่ตลาดใหม่ ในอีกทางหนึ่ง คุณยังจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างในวัฒนธรรม แน่นอนว่าสิ่งที่คุณไม่อยากทำคือการสร้างส่วนร่วมให้ลูกค้าอยู่ในเนื้อหา (Content) ที่ผิด รวมไปถึงข้อความที่ต้องการจะสื่อออกไปอีกด้วย  คุณจำเป็นทำความเข้าใจถึงความอ่อนไหวด้านวัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมายของคุณ รวมไปถึงการขายและการทำการตลาดเพื่อให้ตรงกับวิถีชีวิตของลูกค้าอีกด้วย

ในอีกทางหนึ่ง คุณต้องเข้าใจว่าลูกค้าของคุณคือใคร ตัวอย่างเช่น 70% ของการซื้อแบบ B2B ในปี 2019 เป็นกลุ่ม Miliennials พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี พวกเขาหาข้อมูลรีวิวต่าง ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย และพวกเขายังให้ความสนใจและกังวลในเรื่องของความยั่งยืนอีกด้วย พวกเขาชื่นชอบการซื้อของออนไลน์มากกว่าการที่ต้องเดินทางไปซื้อหน้าร้าน ทั้งหมดนี้คุณจำเป็นต้องออกแบบวางแผนเพื่อสร้างส่วนร่วมต่อกลุ่มเป้าหมายในตลาดใหม่ของคุณ

การปรากฏตัวของคู่แข่งคืออะไร?

การทำการวิจัยตลาดก่อนลงสนามจริงเป็นสิ่งสำคัญในการขยายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นตลาดใหม่ สินค้าใหม่ หรือบริการใหม่ คุณจำเป็นต้องเข้าใจสนามก่อนว่าใครครองเวลาและความสนใจจากลูกค้า ในบางกรณี คุณอาจจะต้องต่อสู้กับคู่แข่งที่อยู่ในตลาดมานาน หรือธุรกิจแบบกงสีซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนานต่อกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ สิ่งนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไม่สามารถก้าวผ่านได้

การทำการเข้าใจคู่แข่งและตลาดเป็นกุญแจสำคัญ สำคัญมากกว่าการทำความเข้าใจธุรกิจของคุณเองด้วยซ้ำ การมีแข่งขันอยู่เป็นเรื่องที่ดี หมายความว่ายังมีความต้องการของสินค้าอยู่ และแน่นอนว่าลูกค้าในพื้นที่นั้นยังสนใจซื้อ

คุณใช้ผู้ให้บริการ Fulfillment ช่องทางไหน?

ขณะที่ทุกคำถามล้วนจำเป็นต้องหาคำตอบ แต่มันจะไม่เกิดประโยชน์เลยหากคุณขยายตลาดและสินค้าโดยไม่จัดส่งออกไป นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดูสวยงามสบาย ๆ ที่สุดในแง่ธุรกิจ แต่มันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จากที่กล่าวไว้ข้างต้นในด้านการส่งสินค้า Fulfillment และการจ่ายสินค้าออกอย่างรวดเร็วเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อของ หากใช้เวลานานเกินไป ราคาแพง หรือชำระเงินยุ่งยาก ลูกค้าเลือกที่จะทิ้งตะกร้าไว้และออกจากร้านค้าไป

เรารู้ว่าคุณมีความถนัดในตลาดของคุณ แต่ตอนนี้คุณกำลังมองหาโอกาสขยายธุรกิจของคุณ คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับห่วงโซ่อุปทานใหม่ว่าจะไปในทิศทางไหน? คุณจะรับสินค้า จัดเก็บ และส่งออกไปยังลูกค้าได้อย่างไร? คุณจะจัดการเองทั้งหมด หรือใช้บริการจากบริษัทภายนอกหรือไม่ กำไรจะยังคงเหลือหรือไม่? ทั้งหมดนี้คือคำถามที่คุณต้องหาคำตอบ

การจัดการ Fulfillment ที่ดีเพื่อการขยายธุรกิจของจำเป็นต้องมีการวางแผนจากผู้มีประสบการณ์เพื่อรักษาความปลอดภัยในด้านโครงสร้าง ระบบและขั้นตอนต่าง ๆ และทีมงานเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ

Locad พร้อมเติมเติมธุรกิจด้วยระบบ Fulfillment เก็บ-แพ็ค-ส่งแบบครบจบในที่เดียว

มุ่งหน้าพัฒนาธุรกิจไปกับการบริการของ Locad

Locad เข้าใจหัวอกคนทำธุรกิจ คุณมีเรื่องมากมายให้พิจารณาเพื่อขยายธุรกิจ เรามีบริการ Fulfillment เพื่อจัดเก็บสินค้า ปรับรูปแบบแผนคลังเก็บสินค้าให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ และจัดส่งออกไปยังมือลูกค้าอย่างปลอดภัยและตรงเวลสา ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ใช้งานง่าย และจัดการเรื่องหลังบ้านให้กับธุรกิจของคุณ

สำหรับใครที่ต้องการขยายธุรกิจ Locad มีกลไกที่จะช่วยคุณจัดคำสั่งซื้อที่เข้ามาหลายๆ ช่องทาง และช่วยสร้างความสมดุลของระดับสินค้าในคลัง เพื่อขจัดปัญหาสต๊อกขาดหรือสต๊อกเกินนั่นเอง 

ระบบ Fulfillment ของเราขยับสินค้าให้อยู่ใกล้มือลูกค้ามากขึ้น เรามีศูนย์บริการคลังสินค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับที่อยู่ของลูกค้าปลายทาง สินค้าถึงมือลูกค้าไวขึ้น และช่วยลดต้นทุนต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ นอกจากนี้ระบบ Fulfillment ของเรายังสามารถปรับได้ตามความต้องการของคุณ ช่วยให้การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย และยังช่วยในการหาตลาดต่างประเทศอีกด้วย

ไม่ว่าจะขายกี่ช่องทาง Locad ก็เอาอยู่  จะขายบนเว็บไซต์ของตนเอง หรือผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify Amazon Shopee หรือ Lazada ด้วยบริการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าระดับพรีเมียม เรื่องคลังสินค้าและโลจิสติกส์จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายทันที พร้อมทั้งดูแลหากคุณต้องการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ 

ปล่อยเรื่องคลังสินค้าและโลจิสติกส์อันยุ่งยากให้เราดูแล เพื่อส่งต่อประสบการณ์การจัดการสินค้าและการจัดส่งที่ทรงคุณค่าไปยังลูกค้า มุ่งหน้าพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณไปกับ Locad ได้แล้ววันนี้ 

ทดลองเปิดประสบการณ์ Fulfillment กับ Locad

สร้างธุรกิจให้เติบโตได้ด้วยระบบ Fulfillment ที่ใช้ง่าย และจัดการให้คุณอัตโนมัติจาก Locad

  • คลังเก็บสินค้าไม่จำกัด และขยายได้
  • จ่ายเท่าที่คุณจัดเก็บ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง ไม่กำหนดระยะเวลา
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมหรือแลกเข้า
  • รวบรวมมาร์เก็ตเพลส
  • จัดการ และจัดส่งสินค้าอัตโนมัติ

ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านโลจิสติกส์และการบริการได้ที่นี่!

Don't miss out on the latest news!

Get the latest industry news, best practices, and product updates!

Exclusive benefits to ace your e-commerce game this 2023 with Locad’s desk calendar!