ปัจจุบันนี้มีแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์มากมายมาเอาใจเหล่านักช้อป ซึ่งในฐานะผู้ขาย คุณจะต้องติดตามพฤตกรรมการซื้อสินค้า และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ วันนี้ Locad จึงได้รวบรวม 5 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซยอดนิยมมาไว้ให้บทความนี้
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไดเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ ในช่วงสิ้นปี 2020 ยอดขายอีคอมเมิร์ซค้าปลีกทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเกิน 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ และไม่มีท่าทีที่จะชะลอตัวเลย ซึ่งคาดว่าจะแตะ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2566
หากคุณต้องการเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็วบอกเลยนี่แหละนาทีทองในการขายสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงของแบรนด์เนม ซึ่งหาซื้อได้ในแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เพราะชีวิตการเป็นอยู่ของผู้คนในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีที่เข้ามาทำให้ประสบการณ์การช้อปปปิ้ของ
พวกเขาสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมหลายแห่งที่คุณสามารถเพิ่มการมองเห็นให้กับสินค้าและทำรายได้ให้กับธุรกิจของคุณได้ เช่น Shopee, Lazada และ Shopify แพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยดึงผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมหน้าร้านของคุณมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะสินค้าที่นำมาวางขายในตลาดอีคอมเมิร์ซเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน การแข่งขันก็จะค่อนข้างสูงหน่อย
หากรู้ว่าสินค้าของคุณจะวางขายบนแพลตฟอร์มไหนนั้นสำคัญมากในการตั้งเป้าหมายของยอดขายสินค้าในแต่ละเดือน วันนี้ Locad Thailand ขอนำเสนอแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่น่าสนใจในปัจจุบัน จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย!
5 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซยอดนิยม
Shopee
Shopee หนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่กำลังมาแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น ไทย ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ มีช่องทางชำระเงินที่เชื่อถือได้และความสามารถด้านโลจิสติกส์ ทำให้ Shopee กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในแถบนี้ในเวลาสั้นๆ ในช่วงกลางปี 2020 ยอดเข้าชมเว็บไซต์เฉลี่ยอยู่ที่ 19 ล้านครั้งต่อเดือน Shoppee มีศูนย์บริการผู้ขาย ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างโปรไฟล์ ลงขายสินค้า และเริ่มดำเนินธุรกิจได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่นาที
ค่าคอมมิชชัน: Shopee เรียกเก็บ 2% (+VAT) ของยอดรวมของผู้ซื้อ
Lazada
Lazada เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้บุกเบิกของวงการอีคอมเมิร์ซมาตั้งแต่ปี 2012
และ Lazada ก็ได้นิยามประสบการณ์ใหม่ของการช็อปปิ้งออนไลน์ด้วยยอดเข้าชมเว็บไซต์ที่มากกว่า 34 ล้านครั้งต่อเดือน
การขายผ่านลาซาด้าประกอบไปด้วย 2 วิธีดังต่อไปนี้:
- MarketPlace – วิธีนี้เหมาะกับผู้ขายรายย่อยที่ดำเนินธุรกิจด้วยค่าคอมมิชชั่น 0% และค่าธรรมเนียมการดำเนินการชำระเงิน 2.24%
- LazMall – วิธีนี้เหมาะกับแบรนด์ที่ Lazada อนุญาตให้มีการจัดอันดับการค้นหาสินค้า ซึ่งค่อคอมมิชชันจะอยู่ที่ 5%
เกร็ดน่ารู้: ปัจจุบัน Lazada เป็นของ Alibaba Group ซึ่งถูกซื้อคืนตั้งแต่ปีปี 2559
เปิดประสบการณ์ Fulfillment กับ Locad ได้แล้ววันนี้!
WooCommerce
หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง WooCommerce ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง plugin ยอดนิยมของ WordPress ที่จะมาเพิ่มความสามารถให้ WordPress เป็นมากกว่าเว็บบล็อก (Blog)
แต่ทำให้เว็บเขียนบทความธรรมดาๆ กลายเป็นเป็นร้านค้าอีคอมเมิร์ซได้เลย ด้วยลูกเล่น (feature) ที่สนับสนุนการขายสินค้าออนไลน์ที่ครบถ้วน ได้แก่ ระบบสินค้า การขาย สต็อกสินค้า โปรโมชั่น การจ่ายเงิน และรายงานความพึงพอใจ
WooCommerce มีเครื่องมือที่ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับเกตเวย์การชำระเงินของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าของคุณทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกไปยังหน้าอื่น นอกจากนี้คุณสามารถสร้างส่วนลดและคูปอง
จัดการออเดอร์ที่เข้ามา เช็คยอดขาย และมีเเดชบอร์ดที่ใช้ในการวิเคราะห็ข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
เว็บไซต์ขายสินค้าประมาณ 3.9 ล้านแห่งทั่วโลกเข้าสู่ระบบ WooCommerce หากคุฯต้องการใช่เครื่องมือนอกเหนือจากนี้ ค่าใช้จ่ายจะเริมต้นที่ 25 ดอลลาร์
Zalora
Zalora เปิดตัวในปี 2012 ในนามของอุตสาหกรรมแฟชั่น มีการแนะนำวิธีการช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ และเป็นแหล่งรวบรวมแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำทั่วโลก ซึ่งได้คัดสรรเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ
สำหรับทุกเพศอย่างดีจากแบรนด์ทั้งในท้องถิ่นและต่างประเทศทั้งหมด 500 แบรนด์ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม Zalora จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มแฟชั่นยอดนิยมในแถบเอเชียในหลายๆ ประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในหมู่เซเลป (Celebrities) อินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) และผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น อีกทั้งยังมียอดผู้เข้าชมเว็บไซต์มากถึง 2 ล้านคนต่อเดือน
ผู้ขายสามารถเข้าใช้บริการศูนย์ผู้ขาย (Seller Center) ของ Zalora ได้เลย ใช้งานง่ายมาก พร้อมมีบริการ
จัดส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ และวิธีการชำระเงินที่ปลอดภัยหลายวิธี สินค้าที่นำมาวางขายในแพลตฟอร์มนี้จะเกี่ยวกับ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ความงาม บ้าน เด็ก สุขภาพ และอาหารจำเป็นซะส่วนมาก โดยจะมีค่าคอมมิชชั่นตั้งแต่ 10-30% ขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละชนิด
Shopify
Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่คุณสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้ ถึงแม้ว่าจะเขียนเว็บไม่เก่ง คุฯก็สามารถมีแหล่งขายของที่ดูดีและน่าเชื่อถือได้ Shopify นั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มีการสร้างเว็บไซต์ช้อปปิ้งถึงล้านแห่งทั่วโลก ช่วยยกระดับเส้นทางการขายให้สูงขึ้น Shopify มีการบริการแบบครบวงจรที่ผู้ค้าปลีกสามารถตั้งค่าร้านค้าและจัดการร้านค้าได้อย่างราบรื่นในทุกๆ ด้าน รวมถึงการชำระเงิน การขนส่ง และแม้แต่การดูแลลูกค้า
Shopify นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ช่วยให้คุณเริ่มขายสินค้าออนไลน์ได้ภายในไม่กี่นาที คุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เขียนโค้ดอะไรทั้งสิ้น มียอดขายและกำไรแสดงให้ดูบนหน้าจอ หากต้องการดึงดูดลูกค้ามากยิ่งขึ้น คุณสามารถทำ SEO (Search Engine Optimization)
อย่างไรก็ตามผู้ขายส่วนมากจะเน้นสร้างแบรนด์และประสบการณ์การช้อปปิ้งให้แตกต่างจากคู่แข่ง มีแพ็คเกจให้เลือกมากมายตามความต้องการของธุรกิจ เริ่มต้นที่ $9/เดือน นอกจากนี้คุณสามารถทดลองใช้ฟรีได้ 14 วัน
การเลือกไซต์อีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจัดตั้งธุรกิจออนไลน์ จำไว้ว่า วิธีการขายของให้ปังก็เรื่องหนึ่ง แต่แหล่งขายของที่จะทำให้คนเห็นสินค้าของเรานั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง ในฐานะผู้ขายคุณจะต้องหาคำตอบได้ทั้งสองข้อ
ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ในปี 2021 ให้คิดซะว่ามันเป็นเทรนที่คุณจะต้องจับไว้ให้เเน่น เพื่อขยายธุรกิจของของคุณออกไปในหลายๆ ช่องทางการขาย ทั้งผู้ประกอบการและองค์กรต่าง ๆ ต่างเลือกใช้พาร์ทเนอร์ที่บริการจัดการสินค้า เช่น Locad ที่มาพร้อมกับโซลูชัน เก็บ-แพ็ค-ส่งแบบครบวงจร เพื่อเติมเต็มธุรกิจของพวกเขานั่นเอง
Locad ขอนำเสนอ Control Tower ที่รวมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลากหลายช่องทาง เช่น Shopee, Lazada, WooCommerce, Zalora, Shopify และอื่นๆ อีกมากมายเข้ามาเป็น แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สะดวกและใช้งานง่ายสำหรับการจัดการธุรกิจ
