เมื่อพูดถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) กว่าธุรกิจจะโตได้เท่าทุกวันนี้ คุณต้องทุ่มเทขนาดไหน เริ่มตั้งแต่สร้าง แบรนด์ออนไลน์ เขียนคอนเทนต์ เติมเต็มความสำเร็จด้วยมือคุณ และยังต้องจัดส่งสินค้าด้วยตัวเองในขั้นตอนต่อไปอีกด้วย ก็นั่นแหละ ตอนนี้สินค้าอยู่ในรถบรรทุก, เครื่องบิน, และกำลังจะออกจากมือคุณ พร้อมจัดส่งไปยังลูกค้าปลายทางแล้ว หลังจากนั้นคุณอาจเกิดความกังวัลใจ เนื่องจากคุณไม่สามารถมองเห็นกระบวนการส่งสินค้าได้เลย
โลกของการขนส่ง โลจิสติกส์ และการจัดการสินค้าเป็นสิ่งที่ควรรู้ รวมถึงเทรนใหม่ๆของบริการจัดส่งพัสดุที่จะเกิดขึ้นยัง แต่ เมื่อได้เรียนรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีการวางแผนอย่างละเอียด คุณจะสามารถกำหนดกระบวนการที่เหมาะสมและกลยุทธ์ในการจัดส่ง เพื่อสร้างทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
เพื่อให้คุณเห็นภาพของกระบวนการมากขึ้น เราจึงมีภาพรวมของกลยุทธ์การจัดส่งสินค้าในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น วิธีจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ดีที่สุด วิธีคาดการณ์ต้นทุนในการดำเนินการและการจัดส่งพร้อมผลกำไร และวิธีปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการจัดส่งสินค้าให้ดีที่สุด ดังนั้นสินค้าถึงจะส่งถึงมือลูกค้าอย่างไรไร้กังวล
กลยุทธ์การจัดส่งของคุณ
จะจัดส่งอย่างไร? ค่าส่งเท่าไหร่? หรือจะส่งให้ฟรีๆ เลยดี? หรือ จะเป็นแบบเหาจ่าย? การจัดส่งในพื้นที่และนอกพื้นที่หล่ะ? นี่คือสิ่งที่คุณต้องพิจารณาและตัดสินใจเลือกการจัดการโลจิสติกส์ในกับธุรกิจของคุณ ซึ่งการเสนอจัดส่งฟรีก็เป็นทางเลือกที่หลายๆ ธุรกิจทำกัน เพราะมันทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า ยอดกดออเดอร์ลงตะกร้าอย่างไม่ลังเลใจ แต่นั่นก็จะเพิ่มต้นทุน และลดกำไรของคุณไปด้วยอีกเช่นกัน เราจึงขอเสนอ 5 ตัวเลือกหลักๆ ของการจัดการโลจิสติกส์ ดังต่อไปนี้
- ขึ้นราคาสินค้าให้ครอบคลุมค่าขนส่ง
- คุณจ่ายราคาเต็มของค่าขนส่งด้วยเงินของคุณเอง
- เพิ่มราคาของคุณเล็กน้อย เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายบางส่วนของคุณ
- เสนอขั้นต่ำในการจัดส่งฟรี เพื่อเพิ่มขนาดการสั่งซื้อโดยเฉลี่ยของคุณ
- กำหนดพื้นที่ในการจัดส่งฟรี
ตามหลักการแล้ว การจัดส่งฟรีเป็นองค์ประกอบสำคัญของความพึงพอใจและการรักษาลูกค้า ลูกค้าอีคอมเมิร์ซเกือบ 83% รู้สึกว่าการจัดส่งฟรีเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อ แต่ถ้าหากไม่สามารทำได้ในช่วงเริ่มต้นของเส้นทางการขนส่ง การเสนออัตราคงที่ ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ใช้การได้เช่นกัน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและการปฏิบัติตามข้อกำหนดจำนวนมาก เสนอการร่วมมือกับผู้ให้บริการในประเทศและต่างประเทศต่างๆ
คำนวณค่าขนส่งของคุณ
เมื่อคุณทราบที่มาของต้นทุนในการจัดส่งแล้ว คุณจะสามารถจัดเรียงรายละเอียดที่เหลือในการนำสินค้าออกจากคลังได้ ผู้ให้บริการจัดส่งทั้งหมดคิดอัตราตามปัจจัยต่างๆ รวมกัน ได้แก่:
- ขนาดบรรจุ
- น้ำหนักหีบห่อ
- ที่อยู่ต้นทาง
- ที่อยู่ปลายทาง
- ความเร็วในการจัดส่ง
- การติดตามพัสดุ
- ประกันภัย
บริการทั้งหมดที่มีให้ มีการบริการและตัวเลือกที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจะเป็นอะไรที่ดีมาก ที่คุณได้ท่องเว็บไซต์ของผู้ให้บริการจัดส่งและผู้ให้บริการไปรษณีย์ในท้องถิ่น เพื่อเริ่มเปรียบเทียบว่าการบริการรูปแบบไหนจะเหมาะกับความต้องการของคุณ
หมายเหตุ: อาจจะดูเหมือนว่าคุณไม่ลงทุนในค่าใช้จ่าย หรือมีหลักประกันใดๆ แต่เนื่องด้วยสภาวะแวดล้อมการจัดส่งในทุกวันนี้ล่าช้า พัสดุส่งผิดทาง และพนักงานทก็อยู่ห่างไกลจากศูนย์จัดส่ง คุณจึงควรเสนอการติดตามเป็นค่าเริ่มต้น รวมทั้งประกันพัสดุภัณฑ์ในระหว่างการขนส่ง เป้าหมายสุดท้ายไม่ได้เป็นเพียงการนำผลิตภัณฑ์ของคุณออกสู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและเชิญชวนให้พวกเขาให้กลับมาซื้อสินค้าอีกครั้ง สิ่งนี้ทำได้ด้วยการตรวจสอบย้อนกลับและการแสดงความรับผิดชอบอย่างสมบูรณ์แบบ
ตัดสินใจเลือกระหว่าง ผู้ให้บริการจัดส่งระหว่างประเทศ VS ไปรษณีย์
จากตัวเลือกข้างต้น คุณจำเป็นต้องตัดสินใจระหว่าง ผู้ให้บริการจัดส่งระหว่างประเทศ กับ บริการไปรษณีย์ในพื้นที่ในเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม คุณมีตัวเลือกมากมายระหว่างผู้ให้บริการจัดส่งส่วนตัว และ ผู้ให้บริการระดับประเทศ และการเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมจะทำให้กระบวนการจัดส่งของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มีราคาที่ไม่แพงมากนัก พร้อมกับค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จสำหรับบริการด่วน หรือ บริการแบบครบวงจร มีข้อกำจัดในการติดตามสินค้า และวันที่ส่งมอบสินค้าจะเป็นเพียงการประมาณการ ไม่ใช่วันที่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ในฐานะหน่วยงานของรัฐ จะมีประวัติความเป็นมาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ชนบทสำหรับการจัดส่งครั้งแรกด้วย
ในทางกลับกัน บริการจัดส่งด่วนในประเทศและท้องถิ่นมีราคาที่พิเศษ แต่เร็วกว่า พร้อมเวลาจัดส่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น แม้ว่าความครอบคลุมในพื้นที่อาจไม่แข็งแกร่งเท่าไปรษณีย์ แต่ก็มีประวัติระดับชาติทั้งในประเทศและทั่วเอเชียแปซิฟิก อีกครั้งขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณสามารถจ่ายได้และสิ่งที่คุณไม่สามารถเสียได้เมื่อพูดถึงการจัดส่งและระยะเวลา
อีกมุมแง่หนึ่ง บริการจัดส่งด่วนทั้งในประเทศและในประเทศมีราคาแพงกว่า แต่ให้บริการจัดส่งที่เร็วขึ้นพร้อมเวลาจัดส่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น แม้ว่าความครอบคลุมในพื้นที่อาจไม่เท่าที่ทำการไปรษณีย์ การบริการชนิดนี้ก็มีมายาวนานและหลากหลายทั้งในระดับประเทศและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกับกำลังจ่ายของคุณ
จะแพ็คสินค้าอย่างไร?
การตัดสินใจเลือกภาชนะบรรจุสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นมากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ มันเกี่ยวกับการฟังก์ชันด้วย ก่อนที่คุณจะฝากสินค้าไว้ในมือของพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการทางด้านจัดส่ง คุณต้องบรรจุหีบห่อเพื่อการขนส่งที่ปลอดภัย เช่น กล่องและซองจดหมาย (ทั้งแบบบุนวมและแบบไม่มี) หรือ ถุงไปรษณีย์แบบโพลี รวมทั้งวัสดุบรรจุภัณฑ์สำหรับจัดส่งผลิตภัณฑ์ด้วย
การเลือกภาชนะบรรจุ คุณจะต้องหาวัสดุที่ปลอดภัย น้ำหนักเบา กะทัดรัด และเพียงพอที่คุณจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการจัดส่ง ค่าใช้จ่ายมายมายก็มาจากขนาดและน้ำหนักของพัสดุ พาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการจัดส่งหลายแห่ง
เช่น บริษัทไปรษณีย์ท้องถิ่นหรือบริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะจะมีเรือขนส่งให้ หรือ คุณสามารถจัดหาซัพพลายเออร์บรรจุภัณฑ์ของคุณเองได้
นอกจากนี้ สามารระบุวิธีการติดฉลากบรรจุภัณฑ์ตามที่คุณต้องการ คุณคงไม่อยากเขียนที่อยู่สำหรับจัดส่งและที่อยู่สำหรับคืนสินค้าด้วยลายมือทุกครั้งหรอก แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายๆ แห่งจะมีใบจ่าหน้าสำหรับการจัดส่งให้ ซึ่งคุณสามารถพิมพ์และแนบไปกับบรรจุภัณฑ์ได้เลย
คาดการณ์ ศุลกากร ภาษี และอากร ล่วงหน้า
หากคุณกำลังจัดส่งนอกประเทศ คุณจะต้องแนบเอกสารที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรในประเทศที่นำเข้า พัสดุในหีบห่อ ราคา และไม่ว่าจะเป็นของกำนัลหรือสินค้า
คุณสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์หรือบริษัทจัดส่งในพื้นที่ของคุณเกี่ยวกับการกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้แน่ใจว่าพัสดุของคุณจะไม่มีปัญหาในการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศหรือล่าช้าในขณะที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรค้นหาข้อมูลที่ขาดหายไปหรือตัดสินใจส่งพัสดุกลับไปหาผู้ส่ง หากมีค่าธรรมเนียมศุลกากรเพิ่มเติมเมื่อพัสดุถึงปลายทาง ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมดังกล่าว ดังนั้นคุณควรรวมข้อมูลนี้ไว้เป็นนโยบายในการจัดส่งสินค้าของธุรรกิจคุณ เพื่ออุดรอยรั่วในบริการความพึงพอใจของลูกค้า
แต่มันก็ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง ภาษีท้องถิ่น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่บวกเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าขนส่งจริง ในกรณีนี้ การเลือกผู้ให้บริการด้านการจัดการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง ทำให้ร้านค้าของคุณสามารถแข่งขันกับคู่เเข่งในท้องถิ่นได้ ที่ปรึกษาด้านอีคอมเมิร์ซอย่าง Locad จะสามารถช่วยคำนวณและเปรียบเทียบราคาได้
จับตาดูอัตรากำไรของคุณที่จะเพิ่มขึ้นได้เลย
สุดท้าย เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คุณต้องคำนึงถึงส่วนต่างของกำไรอยู่เสมอ การจัดส่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักสำหรับผู้ค้า และหากคุณไม่ขยันที่จะหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องนี้ คุณอาจจะต้องสูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุ ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซหลายรายตกใจเมื่อเห็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นค่าต้นทุนการผลิต ค่าจัดส่ง ภาษีศุลกากร/อากร ค่าธรรมเนียมการดำเนินการชำระเงิน
การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะและการบัญชีอย่างตรงไปตรงมาในตอนแรก จะช่วยหลีกเลี่ยงความประหลาดใจในภายหลัง
พาทเนอร์ดีเป็นศรีแก่ธุรกิจ
หากมีจัดการคลังสินค้าที่อำนวยความสะดวกในการส่งสินค้า ราคาประหยัดและยืดหยุ่น เรื่องการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Suppy chain) จะไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป การติดต่อขอความช่วยเหลือผู้ให้บริการด้านการจัดการสินค้าที่สามารถช่วยปรับขนาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
ผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ (3PL) สามารถรวบบริการจัดส่งของคุณ ให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการ จับคู่บริการจัดส่งประเภทต่างๆ เพื่อแจกจ่ายสินค้าคงคลังไปยังลูกค้าปลายทาง มีฟีเจอร์มให้เลือกที่หลากหลาย นอกจากนั้น ผู้ให้บริการจะต้องทำการบ้านก่อน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมและยืดยุ่นให้กับธุรกิจคุณ รวมทั้งเสนอราคากันเอง
Locad เป็นพาร์ทจะมาเติมเต็มธุรกิจของคุณ ด้วยประสบการณ์หลายปี Locad ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงานร่วมกับทั้งผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซและลูกค้าระดับองค์กร ด้วย โซลูชันเทคโนโลยีแบบไดนามิกแลปรับขนาดได้ จะช่วยให้การส่งผลิตภัณฑ์ของคุณไปยังมือลูกค้าของคุณอย่างง่ายดายและรวดเร็ด เราเป็นพาร์ทเนอร์ทีคลังเรื่องคลังสินค้า มีการจัดการคลังสินค้าพร้อมจัดส่งแบบ “ครบวงจร” (end-to-end fulfilment)
เราสามารถเติมเต็มธุรกิจคุณดังต่อไปนี้ :
- การจัดการคำสั่งซื้อและสินค้าคงคลัง
- การวางแผนอุปสงค์/อุปทาน
- รันธุรกิจคุณด้วย Back Office Workflow อัตโนมัติ
- การวิเคราะห์คำสั่งซื้อ สินค้าคงคลัง และการขาย
โซลูชันของเราเริ่มต้นด้วยทำงานรวมกับช่องทางการขายทั้งหมดของคุณ ตั้งแต่เว็บไซต์ไปจนถึงตลาดกลาง และแพลตฟอร์มร้านค้าต่างๆ เช่น Lazada, Woo, and Shopify เราจะจัดเก็บสินค้าคงคลังของคุณไว้ในคลังสินค้ากระจายสินค้าและสถานที่จัดการสินค้าที่เหมาะกับคุณและช่วยคุณค้นหาพาร์ทเนอร์การจัดส่งที่เหมาะสม เมื่อมีการสั่งซื้อ สินค้าของคุณจะถูกส่งอัตโนมัติจากศูนย์การจัดการคำสั่งซื้อที่ใกล้ที่สุด จากนั้นคุณสามารถติดตามขั้นตอรการส่งแบบเรียลไทม์ผ่านแดชบอร์ดของเรา ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ สินค้าของคุณจะถูกส่งไปถึงมือลูกค้าของคุณอย่างปลอดภัย
เอกลักษณ์ของเราที่ไม่เหมือนใคร นั่นก็คือ เราให้คุณเป็นคนควบคุม เพราะเราเข้าใจหัวอกของคนทำธุรกิจ ที่อยากจะดีลกับผู้ให้บริการจัดส่งและควบคุมการดำเนินการจัดส่ง เพื่อสินค้าจะไปถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย คุณสามารถเจ้าถึง Locad Control Tower ได้ คุณจะเห็นการวิเคราะห์ข้อมูลและแดชบอร์ดเพื่อติดตามการส่งสินค้า ติดตามคำสั่งซื้อ และการจัดการสินค้าคงคลัง จากนั้นเมื่อจัดส่งแล้ว คุณสามารถรับรู้ได้ว่าสินค้าของคุณถูกจัดส่งให้กับลูกค้าถึงหน้าบ้านถูกต้องและปลอดภัย
ปัจจัยสำคัญหนึ่งในการตกลงเป็นพาร์ทเนอร์ในระบบ filfllment ก็คือ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ประหยัดนั่นเอง เมื่อเทียบกับการที่คุณดีลกับผู้ให้บริการด้วยตนเอง ในฐานะผู้จัดส่งรายใหญ่ Locad ได้ทำสัญญากับบริษัทจัดส่งหลายแห่ง ที่จะช่วยประหยัดต้นทุนของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างมาก ด้วยเครือข่ายของระบบ Fulfilment ของเรา คุณสามารถลดต้นทุนการจัดส่งเพิ่มเติมเมื่อขายในต่างประเทศ แถมยังลดระยะเวลารอคอยสินค้าได้อีกด้วย
บริการทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และเราขอเสนอเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและราคาตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีข้อผูกมัดในการล็อคอิน และคุณสามารถขยายขนาดขึ้นและลงได้หากผลิตภัณฑ์ของคุณอยู่ภายใต้ฤดูกาล ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคอขวดในห่วงโซ่การจัดจำหน่าย ในขณะเดียวกันเราจะไม่ลงโทษคุณสำหรับการคาดการณ์ที่ไม่ถูกต้อง เป้าหมายของเราคือนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสม ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณมีสมาธิกับการขยายธุรกิจของคุณ