Last-mile Logistics ไมล์สุดท้ายของการจัดส่ง

Last-mile Logistics เป็นการบริการกระจายสินค้า ซึ่งมีความสำคัญในจัดการซัพพลายเชนของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในบทความนี้เราจะมาแชร์ความหมาย กระบวนการ และความสำคัญของไอเดียนี้กัน  

Last-mile Logistics คือการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าถึงมือผู้รับ พูดง่ายๆ ก็เป็นไมล์สุดท้าย หรือ 1 กิโลเมตรสุดท้ายของการขนส่ง ซึ่งกระบวนการนี้ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญในการทำกำไรและต่อยอดธุรกิจนั่นเอง 

ทำไม Last-Mile Logistics สำคัญต่ออีคอมเมิร์ซสมัยใหม่ หรือ การค้าขายหลายช่องทาง? 

Last-mile Logistics มีความสำคัญต่อระบบการขายหลายช่องทาง หรือที่เรียกว่า Omnicahnnel เพราะการจัดส่งรูปแบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าปลายทางได้รับสินค้าเร็วขึ้น และยังช่วยประหยับงบประมาณของธุรกิจได้อีกด้วย 

ตั้งแต่มีไอเดียการจัดส่งสินค้าแบบ Last-mile Logistics บริษัทขนส่งทั้งขนาดเล็กและใหญ่ก็ได้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายๆ ช่องทางอีคอมเมิร์ซก็ได้พัฒนาระบบจัดส่งสินค้าเป็นรูปแบบดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างเช่น Amazon เป็นต้น 

เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยพัฒนาระบบการจัดส่งแบบ Last-mile Logistics ได้อย่างไร? 

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบบโลจิสติกส์ได้เติบเติมขึ้นแบบทวีคูณ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลายๆ แหล่งมีรายได้เพิ่มขึ้น และเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดส่ง ส่งของให้ลูกค้าได้ราบรื่นและตรงเวลา วันนี้ Locad Thailand ได้ลิสต์เทรนด์ของระบบการขนส่งแบบ Last-mile มาฝากเพื่อนๆ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปชมกัน! 

ตู้เก็บพัสดุอัตโนมัติ (Automated Parcel Lockers) :

วิธีนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มันก็คือตู้ล็อกเกอร์นั่นแหละ ที่คุณอาจจะเคยเห็นกันตามคอนโด หรือ ห้างสรรพสินค้า  

ตู้เก็บพัสดุอัตโนมัติใช้เทคโนโลยีในการควบคุม มีหน้าจอสัมผัส ข้อดีคือลูกค้าสามารถรับพัสดุได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องฝากนิติคอนโดให้รับผิดชอบอีกต่อไป ส่งมอบประสบการณ์ในการจัดส่งที่ง่ายและปลอดภัยแก่ลูกค้า เจ้าหน้าที่จัดส่งพัสดุก็จะหย่อนพัสดุที่ล็อคเกอร์ได้เลย จากนั้นผู้รับจะได้รับข้อความ SMS ทางโทรศัพท์มือถือ และไปรับพัสดุที่ตู้ล็อกเกอร์ได้เลย ไม่ต้องมัวมากังวลว่าของจะหายหรือเปล่า 

สกูตเตอร์ไฟฟ้า  (Electric two-wheeler deliveries) : 

สกูตเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้การจัดส่งสินค้ารวดเร็วมากยิ่งขึ้น มีประโยชน์อย่างมากในเมืองที่มีจารจรหนาแน่น อีกทั้งยังการจัดส่งสินค้าในรูปแบบนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากไม่มีการปล่อยคาร์บอนที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งหลายๆ ธุรกิจนิยมใช้วิธีนี้เพื่อส่งสินค้านั่นเอง 

Drone และ Droid ส่งสินค้า : 

โดรนและดรอยด์ เป็นยานพาหนะทางอากาศอัตโนมัติที่ติดตั้งโปรแกรมส่งพัศดุไปยังจุดหมายปลายทางโดยที่ไม่ต้องใช้แรงงานคนเลย ช่วยย่นระยะเวลาในการส่งพัศดุ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บอกลาอุปสรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่พบเจอมาได้เลย

อะไรคืออุปสรรคที่ Last-mile Logistics จะต้องพบเจอ? 

Last-mile Logistics มัจุดประสงค์เพื่อจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เจ้าระบบนี้ไม่ได้มีเพียงข้อดีเพียงอย่างเดียว มันก็ยังมีจุดบอดที่เราจะต้องพิจารณาอยู่เหมือนกัน 

ระบบการนำทางมีราคาสูง  

ถึงแม้ว่าการใช้ Last-mile logistics จะช่วยหลบหลีกการจราจรที่ติดขัด แต่หนึ่งสิ่งที่คุณจะต้องคิดคือ งบประมาณในการติดตั้งนั้นมีราคาสูง ให้ย้อนกลับไปดูที่ขนาดของธุรกิจและกำลังซื้อว่า ไหวหรือเปล่า 

ความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น 

ความซับซ้อนของตัวผลิตภัณฑ์ เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการขนส่งแบบ Last-mile ต้องเผชิญ สินค้าบางตัวมีขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะต้องบรรจุใส่กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม ซึ่งคุณในฐานะเจ้าของธุรกิจจะต้องพิจารณาเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดส่งในรูปแบบนี้อย่างรอบคอบ แต่ต้องมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าในสภาพที่ดี 

แนะนำให้เลือกบริการขนส่งที่มีระบบติดตามสินค้า ทางแบรนด์จะได้ทราบว่าตอนนี้สินค้าอยู่ที่ไหนแล้ว หากมีปัญหาเกิดขึ้นจะได้รีบแก้ไขได้ทันท่วงที 

ประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า 

พื้นที่ของยานพาหนะที่จำกัดและการขาดแคลนคนขับขี่เป็นอีกปัญหาหนึ่งในการขนส่งแบบ Last-mile ซึ่งเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงได้ยากและผู้ขนส่งจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ เอาชนะความท้าทายดังกล่าวในการจัดส่ง เพื่อเป็นผู้นำในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนี้นั่นเอง 

ก้าวผ่านอุปสรรคข้างต้น้วยวิธีดังต่อไปนี้ 

• ตู้เก็บพัสดุอัตโนมัติ: ล็อคเกอร์อัจฉริยะสามารถเก็บพัสดุไว้ชั่วคราว หมดความกังวลหากผู้รับไม่อยู่
• โดรนสำหรับขนส่งสินค้า: จากที่เราได้กล่าวไปข้างต้น การจัดส่งสินค้ารวดเร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงการจราจรในเมืองได้ด้วยระบบการขนส่งอัตโนมัติ 
• ระบบจัดการเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ: ช่วยลดปัญหาหลงทาง หรือส่งพัสดุผิดบ้าน และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
• Last-mile ดีต่อใจพนักงาน: บริษัทขนส่งรูปแบบนี้หยิบยื่นประสบการณ์การทำงานที่ทันสมัยและน่าสนใจให้กับพนักงานส่งสินค้า 

จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการขนส่งแบบ Last-Mile Logistics ได้อย่างไร? 

1. กลยุทธ์ปรับสปีดในการจัดส่ง: ยิ่งสินค้าถึงมือลูกค้าเร็วมากเท่าไหร่ ความพึงพอใจก็จะมีมากเท่านั้น 
2. ติดตั้งระบบติดตามสถานะสินค้า: การมีระบบติดตามสถานะสินค้านั้นสำคัญ ลูกค้าจะทราบว่าตอนนี้พัสดุอยู่ที่ไหนแล้วและจะส่งถึงมือเมื่อใด 
3. Provide flexible options of delivery: Offering delivery choices depending on delivery method, location, and time is also another method of retaining customers.
4. หาพาร์ทเนอร์ในการจัดส่งสินค้าที่ดี: ให้รวบรวมช่องทางการติดต่อพาร์ทเนอร์สำหรับขนส่งสินค้าเอาไว้ เพราะถ้าหากมีเหตุการณืฉุกเฉินเกิดขึ้น เช่น รถติด คุณยังมีหนทางการจัดส่งสินค้ารูปแบบอื่นๆ มาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั่นเอง 
5. ติดสายพานเข้ากับรถบรรทุกตอนนำสินค้าออกจากคลัง: สายพานลำเลียงช่วยเพิ่มความเร็วในการบรรทุกของรถบรรทุกซึ่งทำให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น
6. ใช้บริการ Fulfillment: ตัวช่วยเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าแบบครบวงจรช่วยย่นระยะเวลาและต้นทุนในการจัดการออเดอร์และจัดส่งสินค้า 
7. หมดปัญหาหยิบและแพ็คสินค้าผิด : ระบบการหยิบสินค้าตามออเดอร์อัตโนมัติทำให้พนังงานในคลังสินค้าสามารถจัดออเดอร์ให้ลูกค้าได้อย่างเเม่นยำ ไร้ข้อผิดพลาด
8. ฝึกอบรพนักงานฝ่ายบริการลูกค้า: สร้างความรู้ความเข้าใจในการดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ 

Last-mile Logistics ทำให้บริการ Fulfillment เร็วขึ้นหรือไม่? 

ยกตัวอย่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Amazon ได้มีการขนส่งแบบแบบ Last-mile Logistics เนื่องจากผู้บริโภคต้องการสินค้าภายในสองวัน ระบบการจัดส่งรูปแบบนี้จึงเข้ามามีบทบาทในจัดการคำสั่งซื้อจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ กว่าสินค้าจะส่งถึงมือลูกค้า ใช้เวลาหลายวันเลยทีเดียว 

การลงทุนกับระบบการจัดส่งแบบ Last-mile Logistics ช่วยให้คุณจัดส่งสินค้าให้ลูกลูกค้าได้เร็วขึ้นและไร้ข้อผิดพลาด 

ผู้ให้บริการขนส่ง และผู้ให้บริการ 3PL ได้ร่วมมือกันแบ่งเบาภาระด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซหลายๆ แห่ง 

จับเทรนด์ใหม่มาแรง กระทบกับการขนส่งแบบ Last-Mile Logistics

ความต้องการอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สร้างแรงกดดันให้กับผู้ค้าปลีก เพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดส่งที่รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุน แนวโน้มล่าสุดที่ปฏิวัติบริการขนส่งแบบ Last-mile Logistic มีดังนี้:

1. ระบบติดตามสถานะสินค้า :

แน่นอนว่า ลูกค้าต้องการความโปร่งใส และอยากตรวจสอบออเดอร์ที่ตัวเองสั่งซื้อไป ดังนั้นการมีระบบติดตามสถานะสินค้า เพื่อดูว่าพัสดุอยู่ในเส้นทางหรืออยู่ระหว่างการจัดส่ง คุณสามรถติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น ป้าย GPS และ RFID เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของการขนส่งแบบเรียลไทม์ 

2. Gig Economy และ Crowdsourcing: บริษัทต่างๆ ที่นำรูปแบบการจัดส่งแบบ Crowdsource มาใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งได้แบบทวีคูณ และช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดเวลาในการจัดส่งได้อีกด้วย 
3. หุ่นยนต์ส่งพัสดุ: บริษัทขนส่งส่วนใหญ่หมดเงิน (เกือบ 60% ของต้นทุน) ไปกับการจ้างแรงงานคน ค่าแรงรายเดือน แต่ถ้าหากพวกเขาใช้โดรนในการจัดส่งสินค้า ลงทุนตอนต้นอาจจะแพงหน่อย แต่ประหยัดงบในระยะยาว 
4. จัดการคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้น : ธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะต้องจัดการออเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว แต่พอลองจัดการเองแล้วทั้งสต๊อกสินค้า แพ็ค และจัดส่งเอง ซับซ้อนกว่าที่คิด ดังนั้นบริษัท Fulfillent ช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ได้ 

อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่อยากได้สินค้าภายใน 1-2 วัน การมีผู้ช่วยด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ (3PL) จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้จัดส่งสินค้าได้เร็วและเเม่นยำยิ่งขึ้น 

5. คลังสินค้าในเมือง: การจัดการคำสั่งซื้ออย่างรวดเร็วเป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากธุรกิจของคุณมีศูนย์จัดการออเดอร์ แพ็ค และจัดส่งที่ใกล้กับลูกค้า ปลายทาง พวกเขาก็จะได้สิบสินค้าในเร็ววัน 

6. หาพาร์ทเนอร์ขนส่ง: ในการทำธุรกิจ ทำเองมันทุกอย่างก็ไม่น่าไหว แนะนำหาพาร์ทเนอร์บริษัทขนส่งสินค้าที่น่าเชื่อถือ เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง
7. Hybrid fleet management: ธุรกิจจำนวนมากว่ามีพาร์ทเนอร์ด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์แบบครบครัน ทั้งศูนย์บริการ Fulfillment บริษัทขนส่ง เบอร์โทรศัพท์คนขับรถหรือแม้กระทั้งวินมอเตอร์ไซค์เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

เตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ Last-Mile Logistics อย่างไร? 

คอมเมิร์ซมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในยุคนี้ที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความต้องการด้านโลจิสติกส์ก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติด้านโลจิสติกส์ ผู้ขายและผู้ให้บริการขนส่งควรมองหาโซลูชันหรือกลไกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการส่งสินค้าแบบไมล์สุดท้ายนี้จะสามารถทำได้ง่ายๆ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยนำเอาเทคโนโลยีนมาใช้ในทุกๆ ขั้นตอนของกระบวนการจัดส่ง