ระบบ Fulfillment ที่ทันสมัยจะต้องมีความยืดหยุ่น เพราะจะช่วยให้กระจายสินค้าได้อย่างง่ายดายและรองรับการเติบโตของธุรกิจ
ระบบคลังสินค้าในรูปแบบออนลไน์ที่มีความยืดหยุ่น (Flexible fulfillment ) เป็นเทคนิคด้านโลจิสติกส์ที่เน้นไปที่การจัดการคำสั่งซื้อที่น่าปวดหัวให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เพื่อจัดส่งออเดอร์จากคลังสินค้า สถานที่จัดเก็บ หรือร้านค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้
การวางระบบการจัดการคลังสินค้าให้มีความยืดหยุ่นนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อคุณมีการวางแผนที่ดี ธุรกิจของคุณจะสามารถตอบสนองความต้องการที่ผันผวนได้ ดังนั้นหลายๆ ธุรกิจก็จะวางแผนและปรับปรุงระบบการเก็บ-แพ็ค-ส่ง และการจัดการคำสั่งซื้ออยู่เรื่อยๆ เพื่อป้องกันการยกเลิกออเดอร์เนื่องจากสินค้าขาดสต๊อกนั่นเอง
เราสร้างความยืดหยุ่นให้กับระบบ Fulfillment ได้อย่างไร?
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า คือ สิ่งที่ฮิตติดกระแส หรือที่เราเรียกว่า เทรนด์ (Trend) ที่กำลังมาแรงในช่วงเวลานั้น ซึ่งการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคในรูปแบบนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่กี่ไปที่ผ่านมานี้ และพวกเขายังชอบซื้อสินค้าจำพวก เครื่องใช้ในบ้านและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในบ้านอีกด้วย ดังนั้นธุรกิจต่างๆ จะต้องรู้ใจผู้บริโภค และเรียนรู้พฤติกรรมของพวกเขาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้า
เรามาดูขั้นตอนในการสร้างการจัดการคลังสินค้าที่ยืดหยุ่นในระบบอีคอมเมิร์ซกันเถอะ เราลิสต์มาให้คุณเน้นๆ 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
ขั้นตอน 1 : เชื่อมต่อสต็อก ระบบจัดการเก็บ-แพ็ค-ส่ง และระบบ e-commerce ไว้ด้วยกัน
แน่นอนความหวังของลูกค้าเป็นสิ่งที่ท้าทาย ดังนั้นคุณจะวางแผนให้ดีตั้งแต่ จัดเก็บ-แพ็ค-ส่ง ช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย บริการคืนสินค้าให้กับพวกเขาด้วย และอื่นๆ ด้านที่ท้าทายที่สุดในการพัฒนาและรักษาช่องทางการขายใหม่ ๆ คือการทำตามความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริการจัดส่งโดยทั่วไปไม่สามารถสนับสนุนได้ การซื้อทางออนไลน์และการรับสินค้าจากร้านค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากความสามารถของธุรกิจที่มีหน้าร้านในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อจำนวนมากและอำนวยความสะดวกในการคืนสินค้าโดยใช้บริการที่มีอยู่
คุณสามารถให้ลูกค้าเลือก “ช้อปออนไลน์ รับสินค้าหน้าร้าน” ได้ แต่จะต้องมีการจัดการสินค้าและคำสั่งซื้อที่เป็นระบบ พร้อมทั้งมีระบบติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบความพร้อมของสต็อก รับรู้สถานะของสินค้า และประมาณเวลาในการดำเนินการได้อย่างคร่าวๆ
ขั้นตอนที่ 2: แนะนำช่องทางใหม่ๆ ของระบบการจัดการสินค้า
แม้ว่าธุรกิจของคุณจะมีคลังสินค้าอยู่แล้ว แต่เราขอแนะนำให้คำนึงถึงระบบการจัดการคลังสินค้าด้วย ซึ่งการใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลจิสติกส์หรือคลังสินค้า (3PL) จะทำให้คุณได้วางแผนแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อออเดอร์ล้นมือการเพิ่มช่องทางการขายนั้นเป็นทางออกที่ทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น บริษัท 3PLs จะช่วยให้คุณกระจายสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขั้นตอนที่ 3: ฟีเจอร์เป็นมิตร พิชิตใจลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซ
ถึงแม้ว่าบางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีสินค้าวางขายจำนวนไม่มากนัก แต่มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจไว้มัดใจลูกค้าแทนการขายตรงๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างความพึงพอใจให้กับพวกเขา เช่น ระบบติดตามสถานะสินค้าในขณะจัดส่ง เช็นความพร้อมของสต็อก และอื่นๆ ซึ่งลูกเล่นต่างๆ ก็จะถูกออกแบบและพัฒนามาเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของตลาดอีคอมเมิร์ซ
Step 4: Automation of Fulfillment เก็บ-แพ็ค-ส่งอัตโนมัติ
การเก็บ-แพ็ค-ส่งอัตโนมัติ ช่วยแพ็ค ช่วยขายแบบครบวงจร พร้อมระบบตรวจสอบสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ อยู่ที่ไหนก็สามารถตรวจสอบได้ และเช็คยอดขายของธุรกิจได้อีกด้วย
ประโยชน์ของระบบ Fulfillment ที่มีความยืดหยุ่น
การดำเนินการตามคำสั่งซื้อที่ยืดหยุ่นมีข้อดีหลายประการ ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำตามสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังไว้ได้และรู้จักพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องมีโกดังขนาดใหญ่ไว้เก็บสินค้า แต่คุณสามารถมีระบบการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพมาเติมเต็มธุรกิจของคุณ
ประโยชน์ของการบริการคลังสินค้าที่มีความยืดหยุ่น จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปชมกันเลย:
- ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายหรือลดพื้นที่คลังสินค้า และช่วยประหยัดเวลาและเงินทุนด้วย
- จัดส่งสินค้าได้จากทุกที่ และช่วยให้จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องดูแลเองในทุกๆ ขั้นตอน
- ศูนย์บริการคลังสินค้ามีตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ใกล้กับที่อยู่ลูกค้า ทำให้ประหยัดเวลาในการจัดลง
- ซัพพลายเชนที่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์นั้นดีสำหรับการค้าขายในตลาดอีคอมเมิร์ซ อีคอมเมิร์ซที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลา เพราะช่วยปรับปรุงประสบการณช้อปปิ้งออนไลน์ของลูกค้า การจัดส่ง และติดตามสถานะของสินค้าให้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าออเดอร์ที่เข้ามาล้นมือแค่ไหนก็ตาม
ความสำคัญของการบริการ Fulfillment ที่ยืดหยุ่น
ระบบคลังสินค้าออนไลน์ที่มีความยืดหยุ่นช่วยให้ผู้ค้าปลีกอัปเกรดระบบคลังสินค้าและซัพพลายเชน และปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงาน เมื่อออเดอร์เข้าปุ๊บ สินค้าสามารถเเพ็คและส่งปั๊บ เรามาดูกันว่าระบบคลังสินค้าออนไลน์ที่มีความยืดหยุ่นนั้นสำคัญแค่ไหนกันเชียว
- เป็นตัวกลางด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า และช่วยประหยัดต้นทุน ขจัดข้อบกพร่องทางด้านโลจิสติกส์โดยเฉพาะ
- ระบบคลังสินค้าที่ยืดหยุ่นช่วยให้แบรนด์สามารถรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ตลอดเวลาได้
- ตอบสนองความต้องการในการจัดส่งของลูกค้าได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเช็คสต๊อกด้วยตัวเองอีกต่อไป อีกทั้งยังเข้าถึงข้อมูลหลังบ้านได้ด้วย ดังนั้นคุณจะสามารถวิเคราะห็ยอดขาย ประมาณกำไร เพื่อพัฒนาร้านค้าของคุณไปก้าวต่อไปข้างหน้าได้อีกด้วย
Flexible Fulfillment จะลดต้นทุนคลังสินค้าได้อย่างไร?
ต้นทุนคลังสินค้า ยิ่งน้อย ยิ่งดีต่อธุรกิจ หากคุณมีต้นทุนในการจัดเก็บ-แพ็ค-ส่งที่น้อยลง คุณจะสามารถเอาเงินทุนไปลงกับอย่างอื่นได้ ยกตัวอย่างเช่น ปรับปรุงคุณภาพสินค้าและการบริการความพึงพอใจของลูกค้า ดังนั้นการดำเนินงานคลังสินค้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินกว่ากำลัง หากคุณมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ไว้ใจได้
การจัดการคลังสินค้าที่ยืดหยุ่นลดต้นทุนคลังสินค้าได้ดังนี้:
ประหยัดพื้นที่ เพื่อประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้า
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าอย่างประหยัด
- จัดแยกประเภทสินค้าอย่างเป็นระเบียบ
- เรียงซ้อนภาชนะจัดเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย คุณจะสามารถจัดเก็บสินค้าได้มากขึ้น
- เว้นพื้นที่ระหว่างทางเดินสำหรับการทำงานของเครื่องจักร
- พยายามกำจัดทางเดินที่ไม่ได้ใช้ เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าบำรุงรักษาที่ไม่จำเป็น
ใช้ระบบ Cross-Docking
ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือให้คิดว่าคลังสินค้า เป็นเพียงจุดพักและคัดแยกสินค้า เมื่อสินค้าเข้ามาในคลัง เราจะทำการคัดแยกประเภท จัดเก็บ แพ็ค และจัดส่งให้กับลูกค้าปลายทาง ตามหลักการแล้วสินค้าจะอยู่ในคลังสินค้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง
มีมาตรการประหยัดพลังงาน
ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่เราสามารถประหยัดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งวิธีการประหยัดไฟในคลังสินค้ามีดังต่อไปนี้
- การลดค่าไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
- เพิ่มระบบควบคุมแสงอัตโนมัติจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
- การติดตั้งหน้าต่างเพื่อรับพลังงานจากแสงอาทิตย์
ลดค่าใช้จ่ายไม่จะเป็นที่เกี่ยวกับแรงงาน
พยายามหาพนังงานที่พร้อมด้วยประสบการณ์ในการทำงานมาพอสมควร เพื่อให้เค้ามาเรียนรู้เพิ่มจากการทำงาน เวิร์คช้อปที่จัดไว้ให้ เมื่อพวกเขามีประสบการณ์มาประมาณนึงเรา เราจะได้ลดค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมความรู้พื้นฐานได้ เพื่อให้พวกเขาต่อยอดความรู้และประสบการณืที่มีอยู่ และพร้อมลุยงานได้ทันที
ลดการใช้จ่ายสำหรับเครื่องจักรมากมายในคลังสินค้า
เครื่องจักรต่างๆ ในคลังสินค้านั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หากเรามีเครื่องจักรที่สามารถทำงานได้หลายอย่างจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากกว่า นอกจากการใช้งานแล้วต้องคำนึงถึงการบำรุงรักษาด้วย คุณสามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญหรือช่างไว้ดูแลในส่วนนีได้เลย
ความยืดหยุ่นผ่านแนวทางโมดูลาร์สู่ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ
ในด้านโลจิสติกส์ ความยืดหยุ่น (Flexibility) เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นธุรกิจทั้งหลายควรที่จะมีโซลูชันการผลิต จัดเก็บ แพ็ค ส่ง และติตามสินค้าที่ทันสมัย รอบคอบ และพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอีคอมเมิร์ซและความต้องการของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถมีช่องทางการขายที่หลายหลายได้ หรือมองหาทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้ายคลังสินค้าและโลจิสติกส์มาช่วยซัพพอร์ตการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าอัติโนมัติ
ตอนนี้ผู้ค้าปลีกทั้งหลาบกำลังปรับจัดการออเดอร์ที่แสนจะปวดหัว ให้ทันตลาดอีคอมเมิร์ซและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ดังนั้นให้คุณเลือกทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่มีระบบการบริการที่ยืดหยุ่นและพร้อมเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ
คำถามที่พบบ่อย
Flexible Order Fulfillment คืออะไร?
ระบบคลังสินค้าในรูปแบบออนลไน์ที่มีความยืดหยุ่น (Flexible fulfillment ) เป็นเทคนิคด้านโลจิสติกส์ที่เน้นไปที่การจัดการคำสั่งซื้อที่น่าปวดหัวให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เพื่อจัดส่งออเดอร์จากคลังสินค้า สถานที่จัดเก็บ หรือร้านค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้
Order Fulfillment Strategies คืออะไร?
กลยุทธ์การจัดการคลังสินค้าประเภทต่างๆ มีดังต่อไปนี้
- จัดส่งสินค้าด้วยวิธีที่หลากหลาย
- มีระบบการติดตามสินค้าอัตโนมัติ
- กระจายสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับปรุงการดำเนินทางด้านโลจิสติกส์อยู่เสมอ
- มองข้ามการซื้อของออนไลน์และรับสินค้าหน้าร้านไแได้เลย
การจัดการคลังสินค้าที่มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างไร?
ระบบคลังสินค้าที่ยืดหยุ่น (Flexible warehousing) คือ การบริการของ 3PL หรือ โลจิสติกส์บุคคลที่สามารถปรับตามความต้องการของธุรกิจและตลาดอีคอมเมิร์ซได้ ซึ่งจะดูแลในเรื่องการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าแบบครบวงจรนั่นเอง
ความยืดหยุ่นในการจัดการการดำเนินการคืออะไร?
It is an ability to perform different types of operations from a single machine or vessel instead of switching to another one. This helps in minimizing the cost and time of a business.
คือ ความสามรถที่ช่วยลดต้นทุนและย่นระยะเวลาในการดำเนินการของธุรกิจ
ประเภทของคลังสินค้ามีอะไรบ้าง
คลังสินค้ามีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
- ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution center)
- คลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated warehouses)
- ศูนย์บริการ Fulfillment (Fulfillment centers)