สินค้าในคลังถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ มีผลต่อกำไรของธุรกิจโดยตรง เราจะจัดเก็บสินค้าไว้ในคลังหรือพื้นที่จัดเก็บเพื่อขายและจัดส่งถึงมือลูกค้า
หลายๆ ธุรกิจจะให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาสินค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพของการ
สต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอ การเก็บรักษาสินค้านั้นเกี่ยวข้องกับการติดตามสถานะสินค้า ติดตามกระบวนการตั้งแต่ จัดซื้อสินค้าไปจนถึงการจัดส่ง หรือแม้กระทั่งการกำจัดสินค้าเหล่านั้น ในบทความนี้เราจะมาลงรายละเอียดเกี่ยวกับ “การเก็บรักษาสินค้าคงคลัง” กัน!
เก็บรักษาสินค้าคงคลัง ควบคุมเรื่องอะไรบ้าง มาดูกัน!
- ตรวจสอบและจัดเก็บสินค้าให้มีประสิทธิภาพ
- สร้างความสมดุลระหว่างการจัดเก็บสินค้าและงบประมาณที่คุณได้ตั้งเอาไว้
- จัดสต๊อกสินค้าให้เป็นระเบียบ เข้าถึงง่าย
- สามารถติดตามและควบคุมระดับสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- จัดการปัญหาสินค้าเน่าเสียหรือเสื่อมสภาพ
- รายงานประสิทธิภาพของการจัดการสินค้าค้าในคลัง เพื่อตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม-ลด
พื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า
ตำแหน่งในการจัดเก็บสินค้า ชั้นวางของ หรือแท่นวางของ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการจัดการ จัดเก็บ และติดตามสินค้า พื้นที่หลักๆ ที่คุณจะต้องตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่
นำสินค้าจากซัพพลายเออร์เข้ามาเก็บในคลัง
ธุรกิจขนาดเล็กอาจใช้พื้นที่ไม่มากเพื่อนสต๊อกสินค้า พื้นที่เล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากธุรกิจ
ที่กำลังขยายตัว ก็จำเป็นต้องมีพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อดำเนินการสต๊อก เเพ็ค และเตรียมจัดส่งได้
อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
สินค้าที่เสียหาย
ในกรณีที่ลูกค้าต้องการส่งสินคืนสินค้า คุณจะต้องมีพื้นที่เพื่อรองรับสินค้าที่เกิดจากความผิดพลาด เช่น ของเน่าเสีย หมดอายุ ชำรุด หรือส่งผิด ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายตามมาในการดำเนินการใหม่อีกครั้ง
นั่นเอง
ติดตามการส่งคืนสินค้า
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญในการสร้างสมดุลให้กับการจัดการสินค้าคงคลัง คุณจะต้องวางแผนว่า จะนำสินค้าที่ถูกตีกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อในด้านไหนได้บ้าง ซึ่งจะทำให้คุณทราบ
สาเหตุของการส่งคืนสินค้า คุณภาพของสินค้า และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจ
วิเคราะห์และ บริหารจัดการสินค้าที่ถูกส่งคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การติดตาม การส่งคืนสินค้า ยังช่วยให้คุณสามารถ ตรวจสอบและพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อลดการส่งคืน
สินค้าในอนาคตและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้านั่นเอง
ความสำคัญของการเก็บรักษาสินค้าคงคลังให้แม่นยำ
ถึงแม้ว่าธุรกิจขนาดใหญ่มีความกำลังเงินและกำลังคนในการสต๊อกสินค้าจำนวนมาก แต่ก็
ต้องอาศัยการบริหารจัดการและควบคุมสินค้าคงคลังอย่างถูกต้อง เพื่อให้อยู่รอดในตลาด
อีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน
Locad Thailand ขอลิสต์มาให้เน้นๆ การสต๊อกสินค้าในคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ มี
ความสำคัญอย่างไรกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซบ้าง มาดูกัน!
ป้องกันออเดอร์หาย
การบริหารคลังสินค้ที่ดีช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาด ของหาย สินค้าพัง หรือสินค้า
ตกเทรนด์ โดยที่คุณจะต้องทำการตรวจสอย่างถี่ถ้วน ยังไม่หมดเท่านั้น ยังช่วยให้ธุรกิจขายสินค้า
ออกไปได้เร็วขึ้น ลดปัยหาสินค้าตกค้าง มีสต๊อกพร้อมขายในจำนวนที่เหมาะสมกับความต้องการ
ของลูกค้าในตลาด
ป้องกันออเดอร์ซ้ำ
ปัญหาออเดอร์ซ้ำเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของการจัดการสต๊อกสินค้า การมีระบบจัดการออเดอร์ที่
อัพเดทข้อมูลอัตโนมัติ จะช่วยหลีกเหลี่ยงความผิดพลาดดังกล่าวและช่วยให้ธุรกิจของคุณจัดการ
ช่วยเรื่องการหมุนเวียนของเงินทุน
ในการเก็บรักษาสินค้าคงคลังจะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง หากบริหารจัดการสินค้าคงคลังดี เงินทุนก็จะหมุนเวียนไปในทิศทางที่ดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่คุรได้ลงทุนลง
แรงไปไม่ศูนย์เปล่า มีกำไรกลับคืนสู่ธุรกิจและแบ่งสรรปันส่วนไปพัฒนาในส่วนอื่นๆ ของธุรกิจ
ให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
ช่วยให้วางเเผนสั่งซื้อ-สั่งผลิตสินค้าเพิ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเช็คระดับสต๊อกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณทราบว่าสินค้าในคลังใกล้จะหมดหรือยัง เพื่อที่จะสั่งซื้อหรือสั่งผลิตในจำนวนที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาดกำหนดระยะเวลา
ได้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
หลีกเลี่ยงการเสียยอดขาย เสียลูกค้า
การเก็บรักษาสินค้าในคลังที่ดี คือสินค้าจะต้องพร้อมใช้งาน แพ็ค และจัดส่งตลอดเวลา ดังนั้นการมีระบบจัดการสินค้าคงคลังที่ดีจะช่วยย่นระเวลาในการดำเนินงาน ประหยัดเงิน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และลดความผิดพลาดนั่นเอง
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เมื่อธุรกิจสามารถคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในตลาดและสั่งซื้อสินค้าในจำนวนที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของสต๊อกขาด-เกิน ย่นระยะเวลาในการทำงาน และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้นั่นเอง
เติมสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบจัดการสต๊อกแบบอัตโนมัติช่วยให้คุณเก็บรักษาสินค้าในคลังในพื้นที่ที่เหมาะสม จำนวนพอดีกับความต้องการของตลาด ช่วยให้ตัดสินใจเพิ่ม-ลดสินค้าในสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดประสงค์ของการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง
เราเก็บรักษาสินค้าไว้ในคลังเพื่ออะไร Locad Thailand มีคำตอบมาให้ ดังต่อไปนี้
- เพื่อให้ธุรกิจจัดการสินค้าในคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สินค้าหมุนเวียนเข้า-ออกจากคลังรวดเร็วและแม่นยำ
- เพื่อย่นระยะเวลาในการดำเนินงาน ตั้งแต่สต๊อกสินค้าไปจนส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้าปลายทาง
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตสินค้า
- เพื่อตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป
- เพื่อจัดการสต๊อกให้เหมาะสมกับตลาดอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
- เพื่อส่งคืนสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่มีข้อผิดพลาด
- เพื่อสร้างชื่อภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ
ข้อเสียของการสต๊อกสินค้า
มีข้อดี ย่อมมีข้อเสีย การสต๊อกสินค้าในคลังมีข้อเสียที่คุณควรพิจารณา ดังต่อไปนี้
- มีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า และค่าดำเนินการ
- สินค้าที่เก็บไว้เป็นเวลานาน ขายไม่ออก อาจะทำให้เกิดการเน่าเสียหรือเสื่อมสภาพลงได้
- เกิดปัญหาสต๊อกส่วนเกิน ซึ่งหมายถึงสภาวะที่ความต้องการในตลาดมีน้อย ของขายไม่ออก สินค้าอยู่ในคลังเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
- เกิดปัญหาขาดแคลนสต๊อก เพราะความต้องการในตลาดพุ่งสูง คนซื้อสินค้าจนสินค้าหมด ก็ทำให้เสียโอกาสในการขายสินค้าอีกเช่นกัน
ดังนั้น คุณจะต้องมีการจัดการสต็อกสินค้าที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยนข้อเสียเหล่านี้ให้กลายเป็นข้อดีให้กับธรกิจของคุณ
ทำความเข้าใจกับค่าใช้จ่ายในการสต๊อกสินค้า
ค่าใช้จ่ายของการเก็บรักษาสินค้าประกอบไปด้วย ต้นทุนการจัดซื้อหรือสั่งผลิตสินค้า ค่าดำเนินการจัดเก็บสินค้า ค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้า ค่าขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิดมายังคลังสินค้า ค่าแรงงาน ไหนจะภาษี สิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ในการทำงานในคลัง ค่าประกัน รวมทั้งต้นทุนที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดสภาวะของขาดสต๊อก เป็นต้น
4 ประเภทของสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบหรือสินค้าที่ซัพพลายเออร์จัดส่งมายังคลังสินค้า
- สินค้าระหว่างการผลิต
- สต็อกสินค้าสำเร็จรูป สินค้าที่พร้อมสำหรับการจัดส่งให้กับลูกค้าปลายทาง
- วัสดุบรรจุภัณฑ์
กำหนดระดับสต๊อกขั้นต่ำ (Minimum Level)
คุณจะต้องกำหนดระยะเวลาและจำนวนสินค้าขั้นต่ำไว้ และพยายามรักษาสต๊อกให้อยู่ในระดับที่สมดุล ไม่ควรลดน้อยลงไปกว่าค่าที่ตั้งไว้
- กำหนด Lead time หรือระยะเวลาที่ใช้ในการเติมสต๊อกสินค้า
- เช็คความต้องการของลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซ หรืออัตราการบริโภค (Consumption rate) ซึ่งเป็นจำนวนวัสดุและสินค้าที่ใช้ในระยะเวลาที่กำหนดนั่นเอง
กำหนดระดับสต๊อกที่ต้องการสั่งซื้อ-สั่งผลิต (Re-Ordering Level)
เช็คระดับสต๊อกสินค้าอย่างสม่ำเสมอ รักษาจำนวนสินค้าในสต๊อกไม่ให้ขาดหรือเกิน เพื่อกำหนดเวลาในการสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่ การสั่งซื้อสินค้าใหม่แสดงให้เห็นว่าซัพพลายเออร์หรือโรงงานผลิตมีความน่าเชื่อถือ
กำหนดเพดานสต๊อก หรือ ระดับสต๊อกขั้นสูง (Maximum Level)
เรากำหนดจำนวนสินค้าขั้นสูงสุด เพราะจุดประสงค์ดังนี้
- เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่จะเก็บสินค้า
- เพื่อป้องกันสต๊อกเกิน ที่อาจจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มและเสี่ยต่อการเน่าเสียและเสื่อมสภาพ
- เพื่อปรับสมดุลระดับสต๊อกสินค้า
- เพื่อลดความเสี่ยงของสินค้าล้าสมัย โดยจะสต๊อกสินค้าไว้ในระดับที่จัดการได้และเหมาะกับความต้องการของลูกค้าในตลาด
- เพื่อสนับสนุนการจัดการและควบคุมสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อเติมสต๊อกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันใจ
สูตรคำนวนระดับสต๊อกขั้นสูงสุด
ระดับสต๊อกขั้นสูงสุด (Maximum Level) = ระดับการสั่งซื้อใหม่ (Re-ordering Level) – อัตราการบริโภค (Consumption Rate) * เวลาที่ใช้ในการเติมสต็อก (Lead Time) + ปริมาณสั่งซื้อทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Order Quantity)
เคล็ดไม่ลับ จัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
เรามาลองดูวิธีจัดการและควบคุมสต๊อกสินค้าเพื่อเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจกันเถอะ
- วางแผนการสั่งซื้อและการเติมสต็อกอย่างเหมาะสม: พิจารณาความต้องการของลูกค้าในตลาด เพื่อป้องกันสภาวะสินค้าล้นคลังหรือสินค้าขาดตลาด
- เช็คสต็อกอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจสอบสถานะและปริมาณสต็อกอย่างสม่ำเสมอเพื่อวางแผนเพิ่มหรือลดสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูล: วิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ปริมาณการขาย และระยะเวลาการเติมสต็อก เพื่อช่วยให้วางแผนการจัดการสต็อกได้เหมาะสมและแม่นยำยิ่งขึ้น
- พิจารณาและประเมิณการทำงานของซัพพลายเออร์: แหล่งผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพสร้างความต่อเนื่องในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ให้กับธุรกิจ คุณจะสามารถจัดการสต๊อกในขั้นตอนถัดไปได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
- กฏ 80/20: หมายถึง กำไร 80% สต๊อกของ 20% ธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญกับสินค้า 20% นี้ เนื่องจากมันสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณ
- เช็คประสิทธิภาพของสินค้า: ตรวจสอบว่าสินค้าเสียหายหรือไม่ หรือยังอยู่ในเทรนด์หรือกระแสหรือเปล่า เพื่อรักษาคุณภาพของสต็อกและจำกัดสินค้ามี่ขายไม่ออก เน่าเสีย หรือหมดอายุออกไปจากคลังด้วยวิธีที่สร้างสรรค์
- ใช้เทคโนโลยีและระบบบริหารจัดการสต็อก: มีระบบบริหารจัดการสต็อกอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยให้จัดการออเดอร์และจัดส่งให้กับลูกค้าได้ถูกต้องและว่องไว
- ลงทุนกับการพัฒนาระบบจัดการสต๊อก: ระบบจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าได้อย่างราบรื่น คุณสามารถนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น ติดตามสินค้าคงคลังด้วยระบบบาร์โค้ด ซึ่งทำให้คุณได้ข้อมูลที่แม่นยำกว่าการใช้ระบบอมนนวลหรือนับและเช็คสินค้าด้วยแรงงานคน
ความเสี่ยงของการสต๊อกสินค้า
เรามาลองดูปัญหาที่พบบ่อยในการเก็บรักษาสินค้าคงคลังกัน!
- สั่งซื้อ-สั่งผลิตสินค้ามากเกินไป จบที่ขายไม่ออก
- รักษาสมดุลของระดับสต๊อกกับความต้องการของลูกค้าในตลาดไม่ได้
- สูญเสียสต๊อกสินค้า เพราะสินค้าหมดอายุ เน่าเสีย หรือตกเทรนด์
- การผลิตที่ล่าช้า
- ความผันผวนของตลาดอีคอมเมิร์ซ
- มูลค่าสินค้าลดน้อยลง
- ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นการการจัดการสินค้าแบบระบบเเมนนวล
- บันทึกข้อมูลไม่แม่นยำ เป็นต้น
รักษาสต๊อกสินค้าสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
ดูเหมือนว่าการจัดการสต๊อกสินค้าจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากมีสินค้าไม่มาก วันนี้ Locad Thailand มี 2 วิธีการจัดการสินค้าคงคลังมาฝาก ไปลุยกันเลย!
- Two Bin
ธุรกิจจะต้องกำหนดรอบการซื้อสินค้าของแต่ละรายการและปริมาณการซื้อในแต่ละรอบ เวลาซื้อสินค้า ให้ซื้อทีเดียว ขายได้ถึง 2 รอบการสั่งซื้อ และแบ่งใช้งานเป็น 2 ชุด เมื่อขายและส่งล็อตแรกหมด ค่อยไปต่อที่ล็อตถัดไป
- กำหนดระดับสต๊อกสูงและต่ำ
เพื่อป้องกันสภาวะสินค้าขาดหรือเกินช่วยให่ธุรกิจวางแผนในการเติมหรือลดสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งข้อมูลที่คุณจะต้องพิจารณา ได้แก่ ปริมาณที่ได้รับ ราคาต่อหน่วย คำอธิบายในการสั่งซื้อ เลขแคตตาล็อกหรือรหัสสินค้า และอื่น ๆ
บทสรุป
การรักษาสต็อกสินค้าที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างน่าพึงพอใจ และต่อเนื่อง สร้างรายได้และนำกำไรกลับคืนสู่ธุรกิจ และช่วยให้ก้าวหน้าและเติบโตแบบยั่งยืน
ดังนั้นคุณจะต้องหาวิธีหรือตัวช่วยในการบริหารจัดการสต็อกสินค้าที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพนั่นเอง
FAQs
คำถามที่พบบ่อย
การเก็บรักษาสินค้าคงคลังคืออะไร?
เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการสินค้าได้อย่างราบรื่น ด้วยระบบการจัดการสต็อกสินค้าที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของธุรกิจ
สินค้าคงคลังมีกี่ประเภท?
การเก็บรักษาสินค้าคงคลังมี 4 ประเภท
- วัตถุดิบ
- สินค้าที่อยู่ในระหว่างการผลิต
- สินค้าสำเร็จรูป พร้อมขายและจัดส่งถึงมือลูกค้าปลายทาง
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในคลังสินค้า
จุดประสงค์ของการเก็บรักษาสินค้าคงคลังมีอะไรบ้าง?
เพื่อให้สินค้าพร้อมใช้งาน อยู่ในสภาพที่ดี พร้อมขายและจัดส่งให้กับลูกค้าปลายทาง และสร้างความประทับใจเมื่อพวกเขาได้รับสินค้า
ทำไมหลายๆ ธุรกิจต้องคำนึงถึง ความแม่นยำของข้อมูลและสต๊อกสินค้า?
เมื่อสต๊อกแม่นยำ ก็จะสร้างความสมดุลให้กับรายรับและรายจ่ายธุรกิจ ช่วยประเมินประสิทธิภาพ
ของแรงงาน มูลค่าสินทรัพย์ กำไรและภาระภาษีของธุรกิจ