ในโลกของอีคอมเมิร์ซเต็มไปด้วยคำศัพท์มากมายที่อาจจะทำให้ใครหลายๆ คนสับสนได้ หนึ่งในนั้นก็คือคำว่า ‘ซัพพลายเชน’ หรือ ‘Supply Chain’ ซึ่งเป็นคำที่เราอาจจะได้ยินกันบ่อยๆ ในแง่มุมธุรกิจ ซัพพลายเชนหมายถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจ ซัพพลายเออร์ และลูกค้าเข้าด้วยกัน
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กระบวนการซัพพลายเชนสำหรับสินค้าจะเริ่มต้นตั้งแต่ขึ้นตอนการผลิตสินค้า และสิ้นสุดลงเมื่อลูกค้าได้รับสินค้า ในระหว่างนั้นก็จะมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากมาย ทั้งซัพพลายเออร์และ องค์กรอื่นๆที่เกี่ยวข้องมาช่วยดำเนินการ ซึ่งวันนี้ Locad Thailand เราจะมาลงรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนซัพพลายเชนในบทความนี้
ซัพพลายเชนคืออะไร
คำว่า ‘ซัพพลายเชน’ (Supply Chain) อาจจะเป้นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซมือใหม่ ซึ่งหมายถึง การเดินทางของสินค้าตั้งแต่มีออเดอร์เข้ามาจนสินค้าไปถึงมือลูกค้าปลายทาง แค่มีหน้าร้านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่น่าดึงดูดไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ระบบการจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพสิ สำคัญเพราะมันมีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า สำหรับร้านค้าออนไลน์ สิ่งเดียวที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ คือรายละเอียดสินค้า การเขียนรีวิวจากลูกค้ารายอื่น และการให้คะแนนร้านค้านั่นเอง ลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าหน้าร้านนั้นไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นซัพพลายเชนของสินค้าที่ขายหน้าร้านกับออนไลน์จึงแตกต่างกัน ซัพพลายเชนสำหรับการขายของหน้าร้าน จะสิ้นสุดลงเมื่อลูกค้าชำระเงินและรับสินค้าไป ซัพพลายเชนสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ สินค้าจะต้องผ่านกระบวนการจัดการออเดอร์ แพ็ค และจัดส่งก่อนส่งถึงมือลูกค้าคนสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
การจัดการซัพพลายเชนคืออะไร?
ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ลูกค้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับคุณโดยตรงก็ตอนที่ได้รับสินค้าเท่านั้น ขั้นตอนที่เหลือจะดำเนินการผ่าน ช่องทางออนไลน์ทั้งหมด นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมคุณจะต้องดำเนินการจัดส่งให้เร็วโดยไม่ลดทอนคุณภาพ หรือความสมบูรณ์ของสินค้า ดังนั้นการมีระบบจัดการซัพพลานเชนนั้นจึงสำคัญ Supply Chain Management (SMC) เป็นวิธีที่ธุรกิจจัดการเงินทุน ทรัพยากร เอกลักษณ์ และข้อมูลทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่การผลิตสินค้า สิ้นสุดที่ลูกค้าได้รับสินค้าทันใจ ปลอดภัย และไร้ข้อผิดพลาด กระบวนการซัพพลายเชนมีตัวละครมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าปลีก โรงงานผลิตสินค้า บริษัทขนส่ง พาร์ทเนอร์ด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ตลอดไปจนถึงลูกค้าผู้ซื้อหากคุณสามารถต่อความสัมพันธ์กับพวกเขาเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น ถือว่าประสบความสำเร็จในการจัดการซัพพลายเชน ลูกค้าของคุณก็จะแฮปปี้ หากต้องการจัดการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพ คุณจะต้องวางแผน ควบคุม และตรวจสอบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณทั้งหมดอย่างรอบคอบ
วางแผนกลยุทธ์เพื่อจัดการซัพพลายเชน
ขั้นตอนแรกที่คุณจะต้องทำก็คือ วิเคราะห์ซัพพลายเชนทั้งหมดและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากร สถานที่ การขนส่ง และตัวสินค้าที่ต้องการขาย จากนั้นประเมินผลเพื่อหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับซัพพลายเชน ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในกระบวนการซัพพลายเชน อย่าลืมวิเคราะห์ข้อมูลและยอดคำสั่งซื้อของผู้ขายทั่วไปที่นำสินค้าของคุณไปขายในท้องตลาดออนไลน์ เพื่อจัดหาซัพพลายเออร์และวัสดุต่างๆ ที่เหมาะสมเพื่อผลิตสินค้า
การวางแผนรับมือกับความต้องการซื้อในตลาด
ให้คุณวางแผนรับมือกับความต้องการซื้อของผู้คนในตลาด คุณจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าลูกค้าต้องการสินค้านั้นๆ มากน้อยเพียงใด และคำนวณรายได้ของสินค้านั้นๆ ในอนาคตได้อีกด้วย จากนั้นคุณก็จะสามารถจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างถูกต้อง คุณสามารถเพิ่มยอดขายและผลกำไรให้กับธุรกิจโดยการปรับสต๊อคตามกาลเวลา ตัวอย่างเช่น สำหรับสินค้าตัวไหนคนซื้อมาในช่วงเทศกาล แต่กลับขายไม่ออกในเวลาปกติทั่วไป แนะนำให้เพิ่มสต๊อกให้มากขึ้นในช่วงวันหยุดเหล่านั้น และค่อยลดสต็อกหลังจากเทศกาลจบลง
วางแผนจัดการซัพพลายเชน (SCM)
การวางแผนเพื่อจัดซัพพลายเชนนั้นสำคัญต่อธุรกิจ คุณจะต้องเข้าใจความต้องการของตลาด เข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไรในตอนนี้พร้อมทั้งคาดการณ์ถึงความต้องการของพวกเขาในอนาคต แล้วค่อยมาวางแผนหาวิธีที่ดีและเหมาะสมเพื่อจัดการซัพพลายเชนในธุรกิจของคุณ เราวางแผนเพื่อจัดการซัพพลายเชนเพื่ออะไร? คำตอบคือ ก็เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความต้องการซื้อและความต้องการขายเพื่อเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจนั่นเอง นอกจากนี้ขั้นตอนการวางแผนนี้ยังช่วยคุณจัดการจัดการสินค้าในคลัง วางแผนการผลิตว่าจะเพิ่มหรือลด กระจาย และการจัดส่งสินค้า
กระบวนการผลิตสินค้า
ขั้นตอนการผลิตสินค้า จะสั่งผลิตสินค้าเพิ่ม ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็สั่งโดยไม่มีเหตุผล คุณจะต้องการวางแผนการผลิตสินค้า จัดตารางเวลา ดีลกับโรงงานให้ผลิตสินค้า หากต้องการสั่งให้โรงงานผลิตสินค้าเพิ่มควรอิงจากข้อมูลความต้องการซื้อและขายในตลาด ต้นทุน และยอดขายที่คุณได้รวบรวมมา
กระบวนการคลังสินค้า
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า ‘การจัดการคลังสินค้า’ กันก่อน คำนี้หมายถึง การจัดเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้าหรือโกดังที่ปลอดภัยเพื่อให้แพ็คและจัดส่งถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และปลอดภัย ซึ่งกระบวนการคลังสินค้านั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจทั้งหลายจึงต้องคำนึงถึงสินค้าที่เพิ่มขึ้น และพื้นที่จัดเก็บที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในตลาด สต๊อกล้นจนจะทับตัวตาย ต้องหาที่เก็บเพิ่ม มีแต่เรื่องเสียเงินทั้งนั้น ยิ่งถ้าสินค้าเกิดพังเสียหาย ยิ่งเสียเงินเข้าไปอีก แต่ถ้าสต๊อกสินค้าน้อยเกินไป เมื่อออเดอร์เข้ามา สินค้าก็จะไม่พอสำหรับความต้องการของลูกค้า ถ้าสินค้าขาดสต๊อกอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าก็จะไม่พอใจกับการบริการ เผลอๆ เปลี่ยนใจไปปช้อปร้านอื่น เสียลูกค้าอี๊กกก! และนี่ก็คือเหตุผลที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจำเป็นต้องมีระบบจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม
กระบวนการเติมเต็มคำสั่งซื้อ (Order Fulfillment Process)
กระบวนเติมเต็มตามคำสั่งซื้อเป็นส่วนสำคัญในการจัดการซัพพลายเชนในธุรกิจ ซึ่งจะเริ่มเมื่อลูกค้ากดสั่งสินค้า พนักงงานในคลังหยิบสินค้าออกจากชั้นวางของ ติดฉลากและแพ็คสินค้า และขั้นตอนสุดท้ายคือส่งสินค้าออกจากคลังนั่นเอง
หลังจากจัดส่งสินค้าแล้ว สินค้าจะไปถึงจุดคัดแยกพัสดุก่อนส่งถึงมือลูกค้าปลายทาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะส่งสินค้าไปยังหน้าบ้านของลูกค้ในท้ายที่สุด หากลูกค้าตัดสินใจคืนสินค้า เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินสั่งคืนสินค้าในขั้นตอนถัดไป ซึ่งจะต้องมีการวางแผนส่งคืนสินค้าอย่างราบคอบนั่นเอง
ความรวดเร็วและปลอดภัยในการจัดส่งสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมของธุรกิจ แบรนด์ต่างๆ จึงตัดสินใจจ้างบริษัทคลังสินค้าออไลน์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบริษัท Fulfillment เพื่อให้พวกเขาจัดการออเดอร์ แพ็ค และจัดส่งสินค้าโดยไม่มีข้อผิดพลาด แต่ก็ต้องเลือกบริการที่เชื่อถือได้และเหมาะสำหรับธุรกิจของคุณ
แนวทางปฏิบัติของกระบวนการซัพพลายเชน
ในปี 2022 ผู้คนหันมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะมีสินค้ามากมายให้เลือกหลากหลายช่องทาง พวกเขาจึงต้องเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นหลายๆ ธุรกิจจึงต้องปรับปรุงกระบวนการซัพพลายเชนให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่นเร็วขึ้น และยังคงสร้างผลกำไรให้กับพวกเขาได้
Locad Thailand ขอแชร์ข้อควรปฏิบัติเพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดการซัพพลายเชนของธุรกิจคุณให้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งเราได้สรุปให้เข้าใจง่ายๆ 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้…
- แนะนำให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะด้านเกี่ยวกับการจัดการซัพพลานเชนที่สามารถต่อยอดธุรกิจให้กับ
คุณได้ แต่เช็คดูให้รอบคอบว่าบริษัทที่คุณเลือกมาน่าเชื่อถือหรือไม่
2. ผูกมิตรกับซัพพลายเออร์หลายๆ ที่และโรงงานผลิตสินค้าหลายๆ แห่งเข้าไว้ เผลอๆ คุณอาจจะได้ราคาที่เป็นมิตร ประหยัดต้นทุนไปอีก
3. หากคุณวางแผนความต้องการซื้อของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง คุณก็จะสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง แทนที่จะต้องสั่งผลิตของมาสต๊อกไว้โดยที่ไม่รู้ว่าจะขายออกหรือไม่ และถ้าสั่งสินค้าจากซัพพลายเออร์
ทีเดียวจำนวนมาก ก็จะประหยัดต้นทุนและค่าจัดส่งลงไปอีกนั่นเอง
บทสรุป
ซัพพลายเชนนั้นสำคัญของการดำเนินธุรกิจ มีหน้าเว็บไซต์ที่น่าดึงดูด แต่ระบบจัดการออเดอร์มีปัญหาจนลูกค้าไม่พอใจ ไม่ใช่เรื่องดีกับธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน นี่เเหละคือเหตุผลว่าทำไมเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งหลายจึงจำเป็นต้องเข้าใจในรายละเอียดของการจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถติดต่อผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางในด้านซัพพลายเชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจของคุณได้