Cross-Docking | เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า

Cross-Docking หรือศูนย์กระจายสินค้าถือเป็นส่วนที่สำคัญของอีคอมเมิร์ซ จะช่วยในการเคลื่อนย้ายสินค้า วันนี้ Locad Thailand มีบทความน่ารู้เรื่องศูนย์กระจายสินค้ามาฝาก จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย!

Cross-Docking คืออะไร?

Cross Docking เป็นหนึ่งในกระบวนการทางด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายสินค้าจากผู้ผลิตมายังคลังสินค้า เพื่อนำไปคัดแยก บรรจุหีบห่อ และส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าต่อไป ไม่ต้องเช่าคลังสินค้าแยกให้สิ้นเปลือง พื้นที่ใช้สอยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ศูนย์กระจายสินค้า” นั้นเอง ตามหลักการแล้ว สินค้าจะอยู่ในคลังสินค้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง เมื่อสินค้าถูกส่งเข้ามาในศูนย์กระจายสินค้า พนักงานจะทำการคัดแยกตามคำสั่งซื้อของลูกค้า จากนั้นเคลื่อนย้านสินค้าขึ้นรถบรรทุก และจัดส่งไปยังลูกปลายทาง

ศูนย์กระจายสินค้า จะมีพื้นที่ไม่มากนัก ประกอบไปด้วยช่องขาเข้าและขาออก สินค้าที่กำลังออกจากคลังจะเคลื่อนที่ไปนอกคลังสินค้าโดยรถลาก สายพานลำเลียง หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อคัดแยกก่อนจะถูกจัดส่งไปยังลูกค้าปลายทางในลำดับถัดไป 

Cross-Docking/ Pre-Distribution / Post-Distribution คืออะไร?

การเปลี่ยนถ่ายสินค้า แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่

• Pre-Distribution : อธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ ตรวจสอบการแพ็คและติดฉลากที่ระบุชื่อลูกค้าปลายทางให้เรียบร้อย
• Post-Distribution: เป็นการกระจายสินค้าและการจัดส่งไปยังลูกค้าปลายทาง 

ข้อดีของ Cross-Docking

สมมติว่าผู้ค้าส่งสินค้ามาเก็บที่คลังสินค้าออนไลน์ เมื่อมีออเดอร์เข้ามาและสินค้ากำลังจะถูกจัดส่งไปยังศูนย์กระจายสินค้าที่ใกล้กับลูกค้าปลายทางมากที่สุดก่อนเบื้องต้น เพื่อจะได้จัดส่งไปถึงมือพวกเขาได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง ประหยัดเวลา ย่นระยะทางในการจัดส่งนอกจากนี้ศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้า แถมยังสามารถส่งของได้เร็วขึ้นอีกด้วย!

เรามาดูข้อดีทั่วไปของระบบเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Cross-Docking) กัน

• ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ : ถึงแม้ว่าจะต้องเว้นพื้นที่ในคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยจัดการพื้นที่ในคลัง ให้คุณสต็กสินค้าได้มากขึ้น การประหยัดพื้นที่เก็บสินค้านั้นถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าเลยทีเดียว เพราะมันช่วยให้คุณจัดเรียงสินค้าในพื้นที่ตามที่คุณต้องการได้
• ลดความเสี่ยง ลดขั้นตอนการดำเนินงานได้: ตัดขั้นต่อที่ไม่จำเป็นได้หลายขั้น การคัดแยกสินค้าและจัดเก็บอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป ความเสี่ยงที่สินค้าจะพังหรือเกิดอุบัติเหตุในขณะดำเนินงานจะลดน้อยลง แต่สิ่งที่จะตามมาคือประสิทธิภาพในการทำงานจะดียิ่งขึ้น
• ช่วยลดเวลาในการจัดส่งและเพิ่มความคล่องตัวในระบบซัพพลายเชน : ศูนย์กระจายสินค้าจะช่วยประหยัดเวลาในการจัดส่งสินค้าได้
• ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในซัพพลายเชน : ช่วยประหยัดพลังงานในการเคลื่อนย้ายสินค้าทำให้การดำเนินงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ของคุณมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
• ปรับปรุงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า : ช่วยลดขั้นตอนบางอย่างไป ทำให้คุณส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะที่เราเป็นผู้นำในการขนส่ง เวลาที่เร็ว และสินค้าที่เสร็จตรงเวลา จะทำให้ลูกค้าของคุณประทับใจ
• ลดต้นทุนด้านแรงงาน : การจัดการคลังสินค้าด้วยตนเองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่ใช่น้อย ไหนจะต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากเพื่อขนย้ายสินค้าจากตู้คอนเทนเนอร์ไปยังคลังสินค้า ไหนจะต้องหาพื้นที่ที่กว้างพอเพื่อจัดเก็บ การมีศูนย์กระจายสินค้ามีจะช่วยลดแบ่งเบาภาระเรื่องพื้นที่สต๊อกสินค้าไม่เพียงพอไปได้เยอะเลย

ใครจะได้รับประโยชน์จากการขนส่งแบบ Cross-Docking) มากที่สุด ?

แทบจะทุกบริษัทได้รับประโยชน์จากระบบที่จัดการสินค้าได้รวดเร็วขึ้น และใช้เวลาน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามภาคส่วนเฉพาะก็จะได้รับประโยชน์จากการส่งสินค้าผ่าน Cross-Docking ในเครือข่ายการกระจายสินค้าของตัวเอง

ระยะเวลาในการจัดส่งที่สั้นลง ทำให้มีสิทธิที่แข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในด้านการขนส่งที่รวดเร็วผ่านการวางคำสั่งซื้อจนไปถึงการส่งมอบไปถึงมือผู้บริโภค ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีก, สินค้าอุปโภคบริโภค และบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์และอุตสาหกรรมบริการด้านอาหาร ได้รับประโยชน์จากกระบวนการที่แทบไม่ใช้พื้นที่จัดเก็บหรือต้นทุนในการถ่ายโอนสินค้าจากโรงงานไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

การแก้ปัญหาโดยใช้การขนส่งแบบ Cross-Docking ถือว่าเป็นวิธีที่คุ้มค่ามากสำหรับองค์กรที่มีการส่งออกเป็นจำนวนมาก และต้องการการขนส่งที่ตอบโจทย์ การเปลี่ยนรูปแบบศูนย์กระจายสินค้าแบบเดิมยังช่วยประหยัดเงินสำหรับธุรกิจที่ต้องการหมุนเวียนสต็อกสินค้า และลดขั้นตอนในการจัดการกับสินค้า

Subscription box fulfillment  ธุรกิจผูกปิ่นโต คลื่นลูกใหม่ในวงการอีคอมเมิร์ซ

Subscription box fulfillment  ธุรกิจผูกปิ่นโต คลื่นลูกใหม่ในวงการอีคอมเมิร์ซ

Subscription box fulfillment ถือว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในโลกอีคอมเมิร์ซ บ้างก็เรียกว่า ‘ธุรกิจผูกปิ่นโต’ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่กำลังเฟื่องฟูและมีมูลค่านับพันล้าน ว่าแต่ธุรกิจผูกปิ่นโตคืออะไร เรามาหาคำตอบกันในบทความนี้ได้เลย!  บริการ Subscription box…

อ่านเพิ่มเติม

ประเภทของการขนส่งแบบ Cross-Docking

คำว่า Cross-Docking ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการได้มาและการเคลื่อนที่ของวัตถุอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้

• Manufacturing cross-docking : เมื่อได้รับสินค้าที่ต้องการจากการผลิต และคลังสินค้าผลิตชิ้นส่วนประกอบย่อยสำหรับการสั่งซื้อ

• Distributor cross-docking : ตัวอย่าง เมื่อสินค้าขาเข้าถูกโหลดลงในลังสินค้าที่มีของหลายอย่างปนกันเพื่อจัดส่งให้ลูกค้า การส่งสินค้าผ่านศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าของผู้จัดจำหน่ายคล้ายกับการรวมศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า

• Opportunistic cross-docking : สามารถใช้ในศูนย์กระจายสินค้าใดก็ได้เพื่อย้ายสิ่งของโดยตรงจากพื้นที่รับสินค้าไปยังพื้นที่ขนส่งเพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ

• Retail cross-docking : เมื่อสินค้าได้รับมาจากผู้ขายหลายรายและถูกโหลดขึ้นรถบรรทุกเพื่อจะนำส่งไปยังร้านค้าหลายแห่ง

• Transportation cross-docking : ตัวอย่าง สินค้าจากผู้ให้บริการหลายรายถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ

Cross-Docking มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ช่วยให้ธุรกิจสามารถขนส่งสิ่งของได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและการจัดการสินค้า ช่วยทำให้สินค้าเคลื่อนไหวเข้าและออกจากคลังอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และช่วยลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดและความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ซึ่งในกระบวนการ Cross-Docking จะมีความเสี่ยงดังต่อไปนี้:

• มีพื้นที่จัดเก็บสินค้าน้อย : เพราะวิธีนี้จะจัดเรียงและส่งสินค้าออกจากคลังทันที
• บริหารจัดการค่อนข้างยาก : ต้องจัดการเรื่องรถให้เข้า-ออกอย่างตรงเวลา รวมถึงการแยกประเภทของสินค้าด้วย
• ทรัพยากรต้องพร้อม : ต้องมีพนักงงานที่เชี่ยวชาญ มีอุปกรณ์ที่ใช้เคลื่อนย้ายและสิ่งอำนวยความสะดวกในคลัง และติดตั้งระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

คลังสินค้า Cross-Docking

เป็นสถานสำหรับจัดการและลำเลียงสินค้าก่อนที่จะส่งไปยังลูกค้าปลายทาง คลังสินค้า Cross-docking ช่วยกำจัดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองและความเสี่ยงที่เกิดจากคลังสินค้าแบบเดิม แต่ยังจำเป็นต้องอาศัยสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งของสินค้า

สินค้าประเภทไหนบ้างที่เหมาะสมกับการขนส่งแบบ cross-docking ?

• สินค้าที่มีต้นทุนในการเก็บรักษาสูง : ในขณะที่สินค้ายังคงขายไม่ออก นอนแช่อยู่ในคลัง แต่คุณต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้าทุกเดือน
• สินค้าที่อยู่ในกระแส : เป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของคนหมู่มากในตลาดอีคอมเมิร์ซ ไม่จำเป็นต้องไปเช่าพื้นที่คลังสินค้าให้สิ้นเปลือง ผลิตเสร็จแล้วขายและจัดส่งได้เลย
• สินค้าที่ขนถ่ายง่าย : เนื่องจากการขนส่งรูปแบบนี้จะใช้เวลาในการดำเนินงานไม่เกิน 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นควรจะเป็นสินค้าที่ไม่ใหญ่หรือหนักจนเกินไป
• สิน้คาที่หมดอายุเร็ว : สินค้าที่ต้องเร่งรีบขนส่ง เพื่อป้องกันการเน่าเสีย