คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ: ประโยชน์ เคล็ดลับ และความท้าทาย

ตารางคอนเทนต์

ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านโลจิสติกส์และการบริการได้ที่นี่!

เวลาในการอ่าน: < 1 minute

ในฐานะผู้ค้า คลังสินค้าอีคอมเมิร์ซเชิงกลยุทธ์ไม่เพียงช่วยให้คุณประหยัดเงิน แต่ยังทำให้คุณก้าวล้ำหน้าคู่แข่งไปก้าวหนึ่ง ในการเพิ่มคลังสินค้า คุณสามารถปฏิบัติดังต่อไปนี้ 

  1. ตั้งพื้นที่คลังสินค้าให้ใกล้ชิดกับที่อยู่ของกลุ่มลูกค้าของคุณ 
  2. ปรับปรุงกลไกการจัดการสินค้าคงคลังให้ดียิ่งขึ้น 
  3. ควบคุมสต็อกอย่างประสิทธิภาพ 

กลไกคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพสำคัญกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ค้าขายหลายๆ ช่องทาง และมีความต้องการขยายธุรกิจให้เติบโต ปัญหาและความยุ่งยากของคนทำธุรกิจที่พบได้บ่อยๆ 

  • พื้นที่เก็บไม่พอ 
  • การวางสินค้าคงคลังผิดตำแหน่ง 
  • ไม่มีระบบติดตามสถานะสินค้า ต้องติดตามด้วยตนเอง
จะประสบความสำเร็จในการค้าขายหลายๆ ช่องทาง หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Omnichannel eCommerce ได้นั้น คุณอาจจะต้องมีกลไกสำหรับจัดการคลังสินค้า จัดการออเดอร์ สต๊อก แพ็ค และจัดส่งสินค้าครบวงจร แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อาจจะต้องลงทุนได้เงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว  ซึ่งภายในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับ ความท้าทายที่เกิดขึ้นและวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์กัน

ความท้าทายที่เกิดขึ้นสำหรับ E-commerce WarehousinG

ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกรูปแบบคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ถูกต้อง จำเป็นต้องเรียนรู้ความท้าทายโดยธรรมชาติที่ผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซกำลังเผชิญอยู่ มาดูสิ่งที่พวกเขามักจะประสบกับคลังสินค้ากัน:

การนำสินค้าใหม่เข้าคลัง – ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ใช่เลย เมื่อคุณมีสินค้าหลายรายการที่จะต้องจัดเก็บในคลัง คุณจะต้องมีระบบการจัดเก็บและแยกประเภทสินค้าที่มีคุณภาพ สินค้าถูกสต๊อกอย่างถูกที่ถูกทางเพื่อง่ายต่อการหยิบไปแพ็คและจัดส่งในขั้นตอนถัดไป ไม่อย่างนั้นคุณก็จะเสียทั้งเวลาและทรัพยากรไปโดยใช่เหตุนั่นเอง 

การจัดออเดอร์ไม่แม่นยำ – เมื่อออเดอร์เข้ามารัวๆ ก็เริ่มจัดการลำบากแล้วใช่ไหมหล่ะ หากไม่มีกลไกในการจัดการออเดอร์ที่ดี ความผิดพลาดก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งความผิดพลาดที่เกิดจากแรงงานคนนั้นหลีกเลี่ยงได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น เบิกสินค้าและแพ็คผิดหรือไม่ตรงตามออเดอร์ หรือสินค้าไม่ครบ เป็นต้น ทำให้ลูกค้าร้องเรียน และนั่นก็หมายความว่าคุณจะต้องนำจุดด้อยนี้มาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

ใช้สอยพื้นที่เพื่อสต๊อกสินค้าแบบไร้ประสิทธิภาพ – พื้นที่จัดเก็บสินค้าไม่เหมาะสม สิ่งของวางไม่เป็นที่เป็นทาง เกิดความคับแคบ และนี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีสินค้าในมือเยอะแต่ไม่มีที่จัดเก็บนั่นเอง จะให้ไปเช่าคลัง งบก็บานปลาย และค่าเช่าก็แพงเหลือเกิน

แล้วคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมเป็นอย่างไร? 

เมื่อเลือกโมเดลคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ความต้องการของธุรกิจ  วันนี้ Locad Thailand ลิสต์มาให้เน้นๆ ว่าคลังสินค้าที่เหมาะสมควรจะเป็นอย่างไร เริ่มเลย! 

1. สต๊อกสินค้าที่บ้าน 

หลายๆ ธุรกิจเริ่มสต๊อกสินค้าที่บ้าน ใช้ห้องเก็บของบ้างแหละ โรงรถบ้างแหละ หรือแบรนด์เก็บสินค้าไว้แม้กระทั้งในห้องนอนของตนเอง แต่ถ้าสินค้ามีจำนวนมาก บ้านหรือห้องเล็กๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์แล้วแหละ การสต๊อกสินค้าไว้ที่บ้านจึงเหมาะกับสินค้าจำนวนน้อย ซึ่งจะช่วยลดต้องทุน ไม่ต้องเช่าพื้นที่สต๊อกสินค้า 

2. ศูนย์บริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ 

การมีผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์เป็นเพื่อนร่วมทางถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวางและระบบความปลอดภัยให้คุณได้สต๊อกสินค้า พร้อมบริการแพ็คและติดต่อบริษัทขนส่งให้แบรนด์คุณแบบเสร็จสับ ทำให้จัดการแพ็คและจัดส่งให้มือลูกค้าปลายทางตรงเวลา 

3. เช่าโกดังเพื่อสต๊อกสินค้า 

ในการเช่าโกดังหรือพื้นที่จัดเก็บสินค้า คุณจะต้องเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ในคลัง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ขายสินค้าตามฤดูกาล 

4.  Dropshipping

ให้นึกถึงว่า เมื่อมีออเดอร์เข้ามาทางช่องทางอีคอมเมิร์ซ สินค้าจะถูกส่งจากโรงงานหรือบริษัทผลิตสินค้าไปยังลูกค้าโดยตรง ซึ่งทางเจ้าของแบรนด์จะไม่ต้องมามัวกังวลเกี่ยวกับเรื่อง เก็บ-แพ็ค-ส่ง เลย แต่ข้อเสียก็คือ ใช้เวลาขนส่งค่อนข้างนานเลยทีเดียว ส่วนมากจะเป็นการจัดส่งข้างประเทศ 

จากประเภทของการจัดเก็บสินค้าที่เราได้พูดถึงไปข้างต้น ให้คุณลองมองกลับไปที่ธุรกิจของคุณว่าเหมาะสมกับการจัดเก็บสินค้าแบบไหน จำไว้ว่าระบบจัดการคลังสินค้าที่ดี จะต้องประหยัดต้นทุนและเวลาในการดำเนินการเก็บ-แพ็ค-ส่งแบบครบวงจรให้กับคุณได้ พร้อมทั้งสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ด้วย 

 

ข้อปฏิบัติของผู้ค้าอีคอมเมิร์ซ 

1. ใช้กลไกเพื่อจัดการคลังสินค้า

กลไกการจัดการคลังสินค้าสามารถบอกข้อมูลเชิงลึกของสินค้าในคลังให้เจ้าของธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ บอกปริมาณสินค้าในสต๊อก เพื่อคุณได้นำไปพิจารณาเพื่อสั่งผลิตสินค้าเพิ่มหรือลดนั่นเอง และข้อมูลส่วนนี้ยังสามารถนำไปพัฒนาการดำเนินงานภายในคลังสินค้าให้ดียิ่งขึ้นด้วย 

มีซอฟต์แวร์การจัดการคลังสินค้าหลายๆ ช่องทางอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจของคุณจะสามารถกำหนดความพร้อมของสต็อกได้แบบเรียลไทม์ คาดการณ์สินค้าคงคลังได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งป้องกันสต๊อกขาดหรือสต๊อกเกินได้อีกด้วย 

3. ศูนย์กระจายสินค้าอยู่ไม่ไกลจากมือลูกค้า

จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ หากศูนย์กระจายสินค้าของธุรกิจคุณตั้งอยู่ใกล้กับที่อยู่ของลูกค้า ทำให้ลดต้นทุนค่าจัดส่ง ย่นระยะเวลา ของถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็วทันใจ 

4. หยิบและแพ็คสินค้าได้แม่นยำ ไร้ความผิดพลาด 

หยิบและแพ็คผิดนี่เรื่องใหญ่เลยนะวิ! มีระบบการหยิบหรือเบิกสินค้ามากมายให้คุณได้เลือกใช้ สำหรับธุรกิจไหนที่มีสินค้าน้อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เมื่อสินค้ามีจำนวนมาก คุณอาจจะต้องวางระบบเพื่อหยิบสินค้าเพื่อป้องกันความผิดพลาด 

บทสรุป

การจัดการคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซอาจดูยุ่งยาก จะจัดการเองก็ปวดหัวเหลือเกิน การมีตัวช่วยด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์จึงตอบโจทย์กับผู้ค้าอีคอมเมิร์ซไม่ใช่น้อย แต่คุณจะต้องพิจารณาบริการดังกล่าวอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจว่าจ้าง หาบริษัทที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์เฉพาะด้านและมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า


ทดลองเปิดประสบการณ์ Fulfillment กับ Locad

สร้างธุรกิจให้เติบโตได้ด้วยระบบ Fulfillment ที่ใช้ง่าย และจัดการให้คุณอัตโนมัติจาก Locad

  • คลังเก็บสินค้าไม่จำกัด และขยายได้
  • จ่ายเท่าที่คุณจัดเก็บ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง ไม่กำหนดระยะเวลา
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมหรือแลกเข้า
  • รวบรวมมาร์เก็ตเพลส
  • จัดการ และจัดส่งสินค้าอัตโนมัติ

ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านโลจิสติกส์และการบริการได้ที่นี่!

Don't miss out on the latest news!

Get the latest industry news, best practices, and product updates!

Exclusive benefits to ace your e-commerce game this 2023 with Locad’s desk calendar!