หลายๆ ธุรกิจเริ่มต้นทุนเล็ก ๆ ที่มีอย่างจำกัด โดยเฉพาะร้านค้าอีคอมเมิร์ซ พวกเขาเริ่มจากโรงรถหรืออะพาร์ตเมนต์ และขยายธุรกิจให้เติบโตผ่านการเลือกใช้พาร์ทเนอร์ที่ดี การลงทุน และการเลือกวิธีการกระจายสินค้าที่ใช่ แต่ในช่วงแรกผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์มักจะดูแลทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวเอง รวมไปถึงการจัดเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้า เมื่อธุรกิจขยาย ออเดอร์เข้ามารัวๆ จะทำทุกอย่างได้คนเดียวก็ไม่ไหวแล้วแหละ
จะดีกว่าไหม? หากคุณมีเพื่อนคู่คิดทางด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์จากภายนอกองค์กรที่จะมาช่วยเติมเติมธุรกิจของคุณให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น วันนี้ Locad Thailand บทความเกี่ยวกับการเลือกพาร์ทเนอร์ทางด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์มาฝาก ไปเริ่มกันเลย!
ศึกษาบริการที่เขามี
ก่อนที่จะศึกษาบริษัทพาร์ทเนอร์ คุณต้องมั่นใจก่อนว่าบริษัทพาร์ทเนอร์สามารถจัดการทุกอย่างที่ร้านค้าของคุณจำเป็นต้องมีได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานต่าง ๆ เช่น พื้นที่ในการจัดเก็บ จัดการออเดอร์ จัดส่ง และอื่น ๆ แน่นอนว่าแต่ละธุรกิจ มีความแตกต่างกันไป ดังนั้น คุณจำเป็นต้องหาพาร์ทเนอร์ที่ตรงกับความต้องการของคุณ อาจมีการปรับขั้นตอนการทำ Fulfillment หรือให้บริการผ่านขนส่งที่หลากหลายมากขึ้น ขึ้นอยู่กับสินค้าที่คุณจัดจำหน่าย
แม้ว่าคุณไม่ต้องการที่จะทำให้มันดูต่างออกไปนัก แต่มันก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะลองศึกษาดูว่าพาร์ทเนอร์ของคุณมีบริการแบบไหนบ้าง คุณไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตนั้นจะเป็นเช่นไร และมันคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้าหากคุณสามารถหาพาร์ทเนอร์ที่ช่วยรองรับตรงนี้ได้ ทั้งนี้ การศึกษาหาข้อมูลว่าพาร์ทเนอร์เหล่านี้มีบริการที่แตกต่างจากเจ้าอื่นนั้น ช่วยให้คุณมีมุมมองและไอเดียใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจอีกด้วย
ตามที่คุณวาดไว้ คุณอยากจะร่วมงานกับบริษัท Fulfillment ที่สามารถช่วยคุณตรวจสอบสต๊อกสินค้าและจัดการสินค้าในคลังได้ ขึ้นอยู่กับความสบายใจของคุณด้วย แน่นอนว่ามันดูไม่เข้าท่า ถ้าหากคุณร่วมงานกับบริษัทที่มีมุมมองในการจัดเก็บสินค้าที่แตกต่างไปจากคุณ พาร์ทเนอร์ที่ใช่คอยแจ้งจำนวนสินค้าในคลังว่าเหลือเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ที่คุณจำเป็นต้องเติมสินค้าเข้าสต๊อกเพื่อใ้ห้การทำ Fulfillment ราบรื่น ไร้ปัญหา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการรวมแพลตฟอร์มและระบบที่จัดการอัตโนมัติ มันคงไม่ช่วยอะไรหากยังต้องลงแรงไปกับการใส่ข้อมูลเข้าระบบแบบแมนนวลอยู่
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของคุณเองเท่านั้น ซัพพลายเออร์เพียงหนึ่งเจ้าสามารถช่วยคุณได้ แต่ถ้าหากว่าคุณจำหน่ายสินค้าผ่านหลายแพลตฟอร์ม หมายความว่าคุณอาจจะต้องเกี่ยวข้องกับบริษัทพาร์ทเนอร์ Fulfillment ที่มากกว่ากว่าหนึ่งแห่งแน่นอน และคุณต้องหาวิธีในการติดตามออเดอร์สินค้าของคุณผ่านช่องทางต่าง ๆ
คุณจ่ายอะไรบ้าง?
การหาพาร์ทเนอร์ Fulfillment ที่ไม่ทำร้ายกระเป๋าเงินคุณมีความสำคัญเป็นอย่างมาก คุณต้องพิจารณาให้ดี และจำไว้เสมอว่า ยิ่งราคาเอื้อมถึงได้มากเท่าไหร่ พวกเขาอาจจะไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่คิด ในทางตรงกันข้าม คุณจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจว่าราคามีขึ้นมีลงได้เสมอ เพื่อประโยชน์สูงสุด คุณควรทำความเข้าใจขอบเขตของราคา โครงสร้างเรตราคา และราคาที่คุณอาจถูกเรียกเก็บในอนาคต จดบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งรายเดือนและรายปี รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งออเดอร์ ค่าโอน และทุกอย่างที่ดูแล้วอาจมีการปรับขึ้นลงได้ตลอดเวลา
แม้ว่าบริษัทพาร์ทเนอร์เหล่านี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของคุณได้ แต่นี่ไม่ใช่การตกลงกันที่รับรองผลได้ การบริการที่ดูดีมากเกินจริงนั้น อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงหรือต้องมีขั้นต่ำในการใช้บริการ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณส่งสินค้าจำนวนมาก คุณควรเผื่อใจที่จะต้องจ่ายเพิ่ม อย่างไรก็ตาม คุณสามารถต่อรองปรับราคาต่าง ๆ ตามขนาดธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ที่ใช่ได้
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณต้องทำ คือ ทำความเข้าใจ คาดเดาการเติบโตในอนาคตของธุรกิจตนเองให้ได้ เพราะนี่คือองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในการตีกำหนดราคาออกมาในแต่ละบริษัท การวิเคราะห์คาดเดารายได้ในอนาคตต่อต้นทุนการจัดเก็บ ช่วยให้คุณสามารถมองภาพรวมของพาร์ทเนอร์ Fulfillment ได้ชัดขึ้น ยิ่งคุณสามารถคาดเดา วางแผน และคำนวณได้แม่นยำเท่าไหร่ คุณยิ่งสามารถประมาณการค่าใช้จ่ายจากบริษัทโลจิสติกส์ได้มากเท่านั้น
ศูนย์กระจายสินค้า Fulfillment ของคุณจะอยู่ที่ไหน?
ทุกวันนี้ ลูกค้าได้รับสินค้าตามเวลาที่กำหนดไว้ ต้องขอขอบคุณกรณีตัวอย่างที่ทำมาก่อนอย่าง Amazon Prime มันไม่ใช่เรื่องประหลาดอีกต่อไปสำหรับการส่งสินค้าภายในวันถัดไปหลังจากการสั่งซื้อ แน่นอนว่านี่เกิดจากระยะทางที่ใกล้ของศูนย์กระจายสินค้าที่ใกล้บ้านของลูกค้า ยิ่งใกล้เท่าไหร่ สินค้าก็เดินทางสั้นลงเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซนี้มีศูนย์กระจายมากกว่า 200 แห่งทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาเพื่อรักษาช่องทางการกระจายสินค้าในประเทศ และยังมีมากกว่า 110 แห่งในยุโรป อเมริกาใต้ เอเชีย และภาคพื้นมหาสมุทร
แต่มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งเท่านั้นที่เราต้องคำนึง แต่ต้องคำนึงถึงราคาต้นทุนในการส่งอีกด้วย มีหลายบริษัทที่สามารถส่งสินค้าจากซีกหนึ่งของโลกได้ตามเวลาที่กำหนด แต่มาพร้อมกับราคาที่สูงมาก เพราะเช่นนี้ การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีคลังสินค้าในตลาดกลุ่มเป้าหมายของคุณ จะช่วยธุรกิจของคุณในด้านความเร็วและราคาเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการร้านอีคอมเมิร์ซที่มีไหวพริบจะไม่มองข้ามถึงความสำคัญของที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้า Fulfillment มันจำเป็นต้องใกล้กับลูกค้าของเขา
อย่าลืมว่า 53% ของนักช้อประบุว่า ความเร็วในการจัดส่งเป็นตัวกำหนดการเลือกร้านค้า ขณะที่ 25% ได้ยกเลิกออเดอร์เนื่องจากการจนส่งที่ช้า
รู้ต้นทุนในการจัดส่ง
จากที่ระบุไว้ข้างต้น การทำงานร่วมกับบริษัทโลจิสติกส์ภายนอก (3PL) ช่วยให้ได้ราคาขนส่งที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการจัดการด้วยตนเอง บริษัท Fulfillment ที่ใหญ่ ๆ ได้ทำการตกลงและต่อรองราคากับบริษัทโลจิกสติกส์เหล่านี้ไว้แล้ว การร่วมงานกับบริษัท Fullfillment ช่วยให้คุณได้เรตราคาที่ดีเช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังตัดสินใจเลือกพาร์ทเนอร์ Fulfillment คุณจำเป็นต้องดูก่อนว่าใครคือพาร์ทเนอร์โลจิสติกส์ของพวกเขา ศึกษาบริษัทขนส่ง และตัวเลือกในการจัดส่งที่พวกเขาให้บริการ
ข้อพิจารณาเหล่านี้ คือกุญแจในการประเมินเลือกพาร์ทเนอร์ และยังช่วยเปลี่ยนจากผู้แวะมาดูสินค้ามาเป็นผู้ซื้ออีกด้วย จากวิจัยของ Arvato ลูกค้าถึง 83% ต้องการสินค้าที่มีราคาถูกและจัดส่งฟรี กว่า 45% ต้องการค่าส่งที่ถูก และยังระบุอีกด้วยว่า พวกเขาพร้อมที่จะทิ้งตะกร้าหากค่าจัดส่งมีราคาที่สูงเกินไป
ค่าจัดส่งเป็นส่วนที่ช่วยชูโรงร้านค้าของคุณได้ การจัดส่งที่ราคาไม่แพง หรือการจัดส่งฟรีนั้น ช่วยให้คุณปิดการขายได้ การร่วมงานกับพาร์ทเนอร์โลจิสติกส์ช่วยให้คุณสามารถลดต้นทุนการส่งได้
ทำให้แน่ใจว่ามีบริการลูกค้าสัมพันธ์รองรับมากพอ
นี่คือพื้นฐานเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการต้องมี แต่น้อยที่จะมีการเน้นและใส่ใจในด้านนี้ ในขณะที่คุณไม่อยากเผชิญหน้ากับปัญหา แต่แน่นอนว่าปัญหาด้านบริการลูกค้าเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ และเมื่อคุณทำการเตรียมพร้อมรองรับด้านการบริการลูกค้า ไม่ว่าจะด้วยตัวคุณเองหรือจัดการดูแลโดยบริษัทภายนอก คุณต้องสามารถจัดการออเดอร์ลูกค้าได้ หากคุณใช้บริการพาร์ทเนอร์ Fulfillment คุณต้องมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถช่วยคุณแก้ปัญหาด้านนี้ได้
การจัดการนี้เป็นมากกว่าการสร้างบัญชีอีเมลหรือการมีผู้จัดการฝ่ายบัญชี คุณจำเป็นต้องมีเบอร์โทรติดต่อฉุกเฉินหรือบริการ Live Chat สำรองให้ลูกค้า เพราะปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และหากว่าคุณและลูกค้าอยู่กันคนละเขตเวลา (Time zone) และเขตทวีปแล้ว นั่นคือเรื่องสำคัญที่คุณต้องจัดการทันที
ข้อควรระมัดระวังที่ทางเราอย่างจะแนะนำ คือ การทดลองกับบริษัทพาร์ทเนอร์ของคุณ ลองตรวจสอบดูว่าบริษัท Fulfillment ที่คุณอยากเป็นพาร์ทเนอร์ด้วยใช้เวลาในการตอบกลับเร็วหรือไม่ และคุณพึงพอใจกับความเร็วในการตอบกลับของพวกเขามากน้อยแค่ไหน
วิธีและทางเลือกในการสร้างแบรนด์ ?
สิ่งสำคัญที่สุดในร้านค้าของคุณ คือ สินค้าของคุณ และอันดับที่สอง คือ สินค้าถูกแพ็คอย่างไร การสร้างแบรนด์ของคุณคือการรวมรายละเอียดยิบย่อยต่าง ๆ ให้เกิดเป็นมุมมองภาพลักษณ์ที่มีต่อสินค้าชิ้นนั้น ไปจนถึงการส่งออกสินค้า ในกรณีส่วนใหญ่ บริษัทโลจิสติกส์ภายนอก (3PL) มักทำธุรกิจแบบ “White label” ซึ่งหมายความว่า แบรนด์ดิ้งของพวกเขาไม่ได้ถูกนำเสนอบนกล่องพัสดุที่เราจัดส่งให้ลูกค้า ซึ่งทำให้เราในฐานะเจ้าของร้านสามารถออกแบบกล่องเองได้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงแบรนด์ของเราผ่านกล่องพัสดุ
มันถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากที่จะศึกษาเพิ่มเติมว่าพาร์ทเนอร์ที่เราจะร่วมงานด้วยนั้นมีวิธีการตัวเลือกในการสร้างแบรนด์ให้กับเราอย่างไรบ้าง และคุณสามารถปรับ ออกแบบพัสดุของคุณได้หรือไม่ ทั้งนี้ อย่าลืมตรวจสอบว่าการทำแพ็กเกจจิ้งมาพร้อมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ การออกแบบแพ็กเกจจิ้งหรือพัสดุถือว่าเป็นส่วนเล็ก ๆ สำหรับ Fulfillmemt แต่สามารถสร้างผลกระทบที่ดีต่อตัวลูกค้าและตัวคุณเองอีกด้วย
เช็คลิสต์ก่อนเริ่ม
รู้ระดับการบริการของพาร์ทเนอร์
- บริษัทโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าออกเร็วแค่ไหน และจัดการนำสินค้าเข้าสต๊อกพร้อมวางขายได้เร็วมากน้อยเพียงใด
- นอกจากระยะเวลาการจัดส่งโดยเฉลี่ยแล้ว (ยกตัวอย่างเช่น สินค้าถูกเตรียมภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากมีคำสั่งซื้อ) การรักษาระดับการให้บริการคือสิ่งสำคัญ เพราะมันเป็นเครื่องชี้วัดถึงการทำอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ที่โลแคด มากกว่า 90% ของออเดอร์ถูกส่งออกภายใน 24% หลังจากลูกค้าสั่งซื้อสินค้า
- จับตาดูบริการของพาร์ทเนอร์ เพราะนี่คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีสำหรับประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับ ความต่อเนื่องคือเกณฑ์วัดความพึงพอใจของลูกค้าที่ดีอย่างหนึ่ง
- อย่าลืมว่าบนมาร์เก็ตเพลสส่วนใหญ่นั้น การจัดส่งมีผลต่อคะแนนร้านค้าของคุณ และส่งผลต่อการมองเห็นร้านของคุณบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ด้วย แน่นอนมันสร้างผลกระทบต่อยอดขายของคุณด้วยเช่นกัน
ความยืดหยุ่น
- อย่างที่คุณทราบดี ร้านอีคอมเมิร์ซมียอดคำสั่งซื้อเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของตามฤดูกาล
- ในขณะที่ธุรกิจคุณโต ความยืดหยุ่นคือกุญแจหลัก เมื่อยอดขายทะลัก คุณคงไม่อยากเจอปัญหาที่จัดการไม่ได้แบบคอขวดแน่นอน ในเวลาเดียวกัน การคาดคะเนอาจไม่ได้ถูกต้องแม่นยำ 100% เสมอไป ดังนั้นพาร์ทเนอร์ Fulfillment ของคุณต้องสามารถปรับ ยืดหยุ่นได้ตามธุรกิจของคุณในช่วงนั้น ๆ ได้
ความสามารถในการขยาย
- พาร์ทเนอร์บริษัททำ Fulfillment ของคุณสามารถขยายได้หรือไม่ในขณะที่ธุรกิจของคุณเติบโต? ความสัมพันธ์กับบริษัทโลจิสติกส์เหล่านี้ถูกสร้างมาด้วยเวลาที่ยาวนาน พยายามมองหาบริษัทที่สามารถยืนเคียงข้างคุณได้เมื่อต้องการขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น
การรวมแพลตฟอร์ม และระบบอัตโนมัติ
- มุมมองที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับ Fulfillment คือการรวมแพลตฟอร์มช่องทางการขายของคุณไว้ที่เดียวอย่างไร้รอยต่อได้
- บริษัทพาร์ทเนอร์ของคุณมีระบบที่รวบรวมช่องทางการขายทั้งหมดไว้หรือไม่? การไหลลื่นของการจัดการสินค้าตั้งแต่คลังสินค้าผ่านบริษัทโลจิสติกส์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หลีกเลี่ยงการเตรียมสินค้าและนำสินค้าเข้าระบบแบบแมนนวล เพราะมันจะนำไปสู่การยกเลิกคำสั่งซื้อในภายหลัง
- สามารถตรวจสอบสินค้าในคลังสินค้าไปจนถึงช่องทางการขายได้อย่างเรียลไทม์ นี่ถือเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าคุณขายผ่านหลากหลายช่องทางและสินค้าไม่ปรับยอดสต๊อกทันที ลูกค้ารายใหม่อาจจะสั่งสินค้าที่หมดสต๊อกแล้ว ส่งผลให้ลูกค้าต้องยกเลิกออเดอร์ และอาจไม่พอใจได้
ราคาที่โปร่งใสและเป็นธรรม
- ค่าใช้จ่ายในการทำ Fulfillment เป็นหนึ่งในต้นทุนหลักในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แน่นอนว่าคุณจึงอยากได้ราคาที่ดีที่สุด
- ยิ่งไปกว่านั้น เรตราคาที่ได้มาจะต้องมีความเป็นธรรมและโปร่งใส คุณรู้ถึงราคาที่คุณจะต้องจ่ายทุก ๆ สิ้นเดือนหรือไม่? มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ตามมาหรือไม่?
ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง ค่าใช้จ่ายแลกเข้า หรือการผ่อนแบบบอลลูน
- หาพาร์ทเนอร์ที่มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ หลีกเลี่ยงการทำสัญญาระยะยาวที่มาพร้อมกับค่าละทิ้งสัญญาและการผ่อนแบบบอลลูน
Locad พาร์ทเนอร์ Fulfillment ที่คุณเชื่อถือได้
การตามหาพาร์ทเนอร์ Fulfillment ที่ใช่ คือหน้าที่ที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องลงมือจัดการ เพราะมันคือตัววัดที่สำคัญในการขยายสร้างธุรกิจของคุณให้เติบโต คุณต้องใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูล เพราะนี่คือพาร์ทเนอร์ที่จะมาช่วยดูแลธุรกิจของคุณ รวมถึงดูแลชื่อเสียงของคุณด้วย มันไม่ใช่การตัดสินใจธรรมดา เพราะคุณต้องกระโดดเข้าด้วยความเชื่อที่ว่าคุณสามารถไว้วางใจธุรกิจของคุณให้กับบริษัทพาร์ทเนอร์นี้ได้ การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นสการลงทุนที่คุ้มค่าต่อธุรกิจของคุณนี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมคุณควรพิจารณาโลแคดให้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือธุรกิจของคุณ
จากที่ได้ระบุไว้ข้างต้น Locad คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เราให้บริการแก้ไขปัญหา Fulfillment ตั้งแต่ต้นจนจบ บริการขนส่งโลจิสติกส์ไปยังทั่วโลก ในขณะเดียวกัน คุณสามารถนำเวลาที่เหลือไปโฟกัสพัฒนาต่อยอดธุรกิจของคุณได้ โลแคดให้บริการห่วงโซ่อุปทานที่คุณสามารถปรับรูปแบบได้ตรงตามธุรกิจของคุณ รองรับการขายหลายช่องทาง และจัดส่งไปยังต่างประเทศได้ ด้วยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เข้าใจง่าย เรายังมีระบบรองรับที่ช่วยจัดการงานหลังบ้านร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณอีกด้วย
เรารู้ดีว่า การเติบโตของธุรกิจของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้น เราไม่เพียงแค่ให้บริการคลังสินค้าและกระจายสินค้าที่ยืดหยุ่นเหมาะกับธุรกิจของคุณแล้ว เรายังให้บริการ Fulfillment ที่เต็มรูปแบบ เราช่วยจัดการสต๊อกสินค้า วางแผนจัดซื้อ ดูแลหลังบ้าน ช่วยให้เกิดการไหลลื่นในการกระจายสินค้าอย่างอัตโนมัติ และช่วยวิเคราะห์ออเดอร์ สินค้าคงคลัง และยอดขาย เรามีทุกอย่างเพื่อรองรับธุรกิจของคุณ พร้อมที่จะเป็นมือขวา ช่วยให้สินค้าของคุณสิ่งถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย
ด้วยแพลตฟอร์มของเรา คุณสามารถตรวจสอบออเดอร์ของคุณผ่านหลากหลายช่องทางการขาย และตรวจสอบยอดขาย สินค้าในคลัง และ KPI ได้อย่างเรียลไทม์อีกด้วย ในขณะเดียวกัน คุณยังสามารถเข้าถึงเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าของเราที่มีอยู่ทั่วภูมิภาคเพื่อช่วยให้ในการลดย่อนเวลาการจัดส่งให้ถึงมือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เร็วขึ้น ด้วยค่าบริการที่สมเหตุสมผลและจัดส่งได้ตามเวลาที่กำหนด
ไม่ว่าจะเป็นขายผ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณ หรือผ่านพาร์ทเนอร์แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee หรือ Lazada เราสามารถช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบของเรา ซึ่งแน่นอนว่า คุณจะได้รับประสบการณ์ Fulfillment ที่ช่วยยกระดับร้านค้าของคุณ นำพาธุรกิจของคุณเติบโตไปทั่วโลก ไม่ว่าคุณต้องการส่งภายในประเทศ หรือต่างประเทศ เรามีประสบการณ์ ช่วยอำนวยความสะดวกและเคียงข้างธุรกิจของคุณให้เติบโต
ติดต่อเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ และสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อเพื่อธุรกิจและลูกค้าของคุณกับ Locad