ภายในคลังสินค้า จะมีการกำหนดตำแหน่งของสินค้าเอาไว้ ซึ่งจะช่วยให้สินค้าถูกจัดวางเป็นระบบและใช้พื้นที่คลังสินค้า
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ Locad Thailand มีสาระดีๆ ที่เกี่ยวกับตำแหน่งสินค้าคงคลังมาฝากเพื่อนๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ตำแหน่งของสินค้าคงคลัง
การกำหนดตำแหน่งสินค้าคงคลังจะระบุให้เราทราบว่าสินค้าชนิดนี้อยู่ส่วนไหนของคลังสินค้าอย่างเป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็กำหนดสุ่มสี่สุ่มห้า
ตำแหน่งของสินค้าคงคลังมีผลต่อการประเมินสถานที่สำหรับจัดเก็บสินค้า เพราะฉะนั้นคุณจะต้องวางแผนตำแหน่ง
สินค้าอย่างเหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการโลจิสติกส์
ตำแหน่งของสินค้ามีส่วนช่วยให้ธุรกิจของคุณตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินค้าจะถูก
จัดเก็บไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม หยิบง่าย และนำไปใช้งานในขั้นตอนถัดไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
หากคุณจัดตำแหน่งของสินค้าคงคลังอย่างเหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนของธุรกิจ เมื่อสินค้าถูกจัดวางเป็นระบบ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ ไม่ติดขัด ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขข้อบกพร่อง จึงทำให้ต้นทุนของธุรกิจลดลงนั่นเอง
ตำแหน่งของสินค้าคงคลังสำคัญอย่างไร?
ตำแหน่งของสินค้าคงคลังมีผลกระทบกับการจัดการออเดอร์ของธุรกิจคุณ ว่าแต่มันมีประโยชน์ในด้านไหนบ้าง เดี๋ยว Locad Thailand จะลงรายละเอียดให้เอง
ค้นหาสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว
เมื่อได้ระบุตำแหน่งของสินค้าชัดเจนแล้วว่าจัดเก็บไว้ในหมวดหมู่ไหนของคลังสินค้า เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา พนักงงาน
ผู้รับผิดชอบก็จะหยิบสินค้าได้ถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องมั่วมาเดินหาให้เสียเวลา ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน
หากต้องการข้อมูลของสินค้า คระบบก็จะแจ้งข้อมูลและตำแหน่งของสินค้าคงคลังนั้นๆ ได้แบบเรียลไทม์
ลดเวลาในการจัดการออเดอร์และจัดส่งสินค้า
การระบุตำแหน่งของสินค้าคงคลังที่ชัดเจนจะทำให้การดำเนินการหยิบ แพ็ค และจัดส่งรวดเร็วทันใจลูกค้า ลูกค้าจะ
ได้รับสินค้าที่ถูกต้องและรู้สึกพึงพอใจกับการบริการของแบรนด์คุณนั่นเอง
ติดตามสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ
เมื่อคุณทราบคำแหน่งของสินค้าคงคลังแล้วว่าอยู่ตรงไหนของคลังสินค้า คุณจะสามารถค้นหาและติดตามสินค้า
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยจับตาดูสินค้นที่หมดอายุได้อีกด้วย ลองจินตนาการดูว่า ถ้าหากลูกค้า
ได้รับรับสินค้าที่หมดอายุไป พวกเขาคงไม่แฮปปี้แน่ ดังนั้นมันจะช่วยกำจัดสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพในการขายออก
สู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการสินค้าคงคลัง
ตำแหน่งและวิธีการจัดเก็บสินค้ามีผลต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ แถมยังมีศักยภาพ
ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซด้วย นี่แหละจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจะต้องให้ความสำคัญ
กับการจัดวางตำแหน่งสินค้าคงคลัง
ระบบติดตามสินค้าคงคลังแบบอัตโนมัติช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลและตำแหน่งของสินค้าได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำ ช่วยให้คุณจัดการออเดอร์ที่เข้ามารัวๆ ได้รวดเร็วทันใจ
เติมเต็มความต้องการตามที่ลูกค้าคาดหมาย
ในขั้นตอนที่นำสินค้าเข้าคลัง ทุกอย่างจะรวดเร็วและง่ายขึ้นเนื่องจากคุณได้กำหนดตำแหน่ง สำหรับจัดวางสินค้า
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การจัดตำแหน่งสินค้าคงคลังให้อะไรกับธุรกิจขอคุณบ้าง มาดูกัน!
- การจัดวางตำแหน่งสินค้า ทำให้คุณมีพื้นที่เหลือไว้สำหรับสต๊อกสำรอง เมื่อสินค้าใกล้หมดสต๊อก จะได้เติมสินค้าได้ทัน มีขายเมื่อมีออเดอร์เดอร์เข้ามา
- เพิ่มมาตรฐานการบริการลูกค้า พวกเขาแฮปปี้แน่นอน เมื่อสต๊อกสินค้าถูกจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และลูกค้าได้รับสินค้าที่ถูกต้องตามคำสั่งซื้อ รวดเร็ว และปลอดภัย
- เมื่อระดับสต๊อกของคุณคงที่และเหมาะสม ต้นทุนต่อหน่วยจะถูกลง
- การจัดวางสินค้าในคลังช่วยให้วางแผนในการหยิบ แพ็ค และจัดส่งตามเวลาที่แน่นอน
- เมื่อคุณได้จัดวางตำแหน่งของสินค้าคงคลังเป็นที่เรียบร้อย คุณจะทราบว่าพื้นที่ในคลังบรรจุสินค้าได้มาก
หรือน้อยเพียงใด และต้องสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ในช่วงเวลาไหน เพื่อป้องกันราคาสินค้าที่แพงนั่นเอง
- การจัดวางสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพช่วยให้คุณแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ไฟไหม้ ปัญหาด้านแรงงาน การโจรกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวอย่างการวางตำแหน่งสินค้าคงคลัง
ตัวอย่าง 1
ยกตัวอย่างธุรกิจขายหนังสือ หนังสือถูกเก็บไว้บนชั้นวางหนังสือในคลังสินค้า และใช้ระบบควบคุมสต๊อกเพื่อหยิบ
และติดตามหนังสือได้ง่ายๆ และรวดเร็ว
ตัวอย่าง 2
อีกหนึ่งตัวอย่าง ขอเป็นธุรกิจขายคุกกี้ จะต้องเก็บไว้ในห้องหรือพื้นที่ที่ระบายความร้อนได้ดี หรือมีตู้เย็นสำหรับ คุกกี้
ที่จะละลายได้ง่ายอย่างคุกกี้ช็อคโกแลต เพื่อรอตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าปลายทาง มีระบบจัดการออเดอร์ เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา พนักงงานจะต้องหยิบคุกกี้จากตำแหน่งที่วางเอาไว้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
วิธีกำหนดตำแหน่งของสินค้าคงคลัง
กำหนดตำแหน่งของสินค้าในคลัง ต้องคำนึงถึงอะไรบ้างมาดูกัน!
พิจารณาจากสินค้าขายดี
พิจารณาจากสินค้าขายดี ลองดูซิว่าสินค้าตัวไหนมี Volume หรือความต้องการสั่งซื้อมากที่สุด ก็จะจัดวางไว้ในตำแหน่งที่
พนักงงานสามารถเข้าไปหยิบหรือดูแลได้ง่าย ประกอบกับความเชี่ยวชาญและรู้จักสินค้าเป็นอย่างดี ก็จะช่วยให้จัดการ
ออเดอร์และจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว
ในมุมกลับกัน หากมีสินค้าในคลังจำนวนน้อย สินค้าเหล่านี้ก็จะถูกนำไปเก็บไว้ในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก อาจจะอยู่
ในโซนที่ไกลออกไปเนื่องจากการไหลเวียนของสินค้าต่ำ ถูกขายออกไปไม่บ่อย ด้วยวิธีนี้ การวางตำแหน่งสินค้า
คงคลังจะช่วยให้ใช้พื้นที่เก็บสินค้าที่มีอยู่ได้อย่างเหมาะสมและประสิทธิภาพ
การจัดเรียนสินค้าโดยวิเคราะห์ความสามารถในการขายออกจากคลังจะช่วยให้คุณจัดเรียงสินค้าอย่างเป็นระเบียบ ช่วยให้พนักงานทราบตำแหน่งของสินค้าทันทีและช่วยลดเวลาในการดำเนินงาน
เก็บสินค้าขนาดใหญ่ไว้ชั้นล่างของชั้นวางของ
เวลาจัดตำแหน่งสินค้าคงคลัง อีกปัจจัยที่ควรคำนึงถึงคือขนาดของสินค้า สินค้าขนาดใหญ่ หรือมีน้ำหนัก มากควรวาง
ไว้ในที่ที่ปลอดภัย ไม่วางไว้ด้านบนสุดของชั้นวางของ เพราะหากสินค้านั้นตกลงมาจะ ก่อให้เกิดความเสียหาย
ทั้งตัวสินค้าเอง พนักงาน และสิ่งของที่อยู่บริเวรนั้นๆ
ตามเกณฑ์มาตรฐานของการเก็บรักษาสินค้าที่มีน้ำหนักมาก มักนิยมเก็บในตำแหน่ง ที่สามารถเข้าถึงได้และใกล้
กับท่ารับส่งสินค้า เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการจัดส่งนั่นเอง
ประเมินความต้องการของสินค้า
เพื่อการวางตำแหน่งสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ การประเมินความต้องการสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ สินค้าที่มีออเดอร์
เข้ามามาก จะต้องถูกวางในตำแหน่งที่หยิบง่าย ป้องกันการจัดส่งที่ล่าช้า
หากประเมินความต้องการของลูกค้าคลาดเคลื่อน และมีสินค้าในคลังมากเกินความจำเป็น จำทำให้เกิดค่าใช้จ่าย
ในการจัดเก็บสินค้าและค่าดำเนินการที่ค่อนข้างสูง ส่งผลกระทบกับต้นทุน รายได้ และกำไรของธุรกิจ
กลยุทธ์การวางตำแหน่งสินค้าคงคลัง
ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในกำหนดตำแหน่งสินค้าคงคลัง ได้แก่ ตัวระบบจัดการสินค้าคงคลัง ความต้องการของลูกค้าในตลาด ความถี่ของออเดอร์ที่เข้ามาในระบบ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ต้นคริสต์มาสและของตกแต่งจะขายดีมาก ดังนั้นคุณจะต้องวางแผนสต๊อกทั้งหมดให้พอขาย
กลยุทธ์ในการวางตำแหน่งสินค้าคงคลังมี 3 ข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้
- กลยุทธ์แบบผลัก (Push supply chains strategy)
- กลยุทธ์แบบดึง (Pull supply chains strategy)
- กลยุทธ์แบบผสม (Hybrid supply chains strategy)
- กลยุทธ์แบบผลัก (Push supply chains strategy)
Push System หรือระบบผลัก ทำหน้าที่วางแผนเรื่องการไหลเวียนของสินค้าและพัศดุคงคลัง โดยพิจารณาจากความนิยม
ของสินค้านั้นๆ คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าล่วงหน้า พร้อมจัดส่งสินค้าทันทีถึงแม้ว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่าง
ล้นหลาม กลยุทธ์นี้มักจะใช้กับธุรกิจที่ความต้องการของลูกค้าในตลาดขึ้นๆ ลงๆ แต่ข้อเสียก็คือมีค่าใช้จ่ายสูง เปลืองพื้นที่ในคลัง และสินค้ามีโอกาสเสื่อมสภาพก่อนนำไปใช้งาน
- กลยุทธ์แบบดึง (Pull supply chains strategy)
สำหรับ Pull System หรือระบบวางตำแหน่งสินค้าคงคลังแบบดึง ความต้องการขายจะเกิดหากมีความต้องการซื้อ จะวางแผนการผลิตทีละขึ้นตอน จำนวนผผลิตภัณฑ์จะ สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซ
และยอดการสั่งซื้อสินค้า
กลยุทธ์ดังกว่าเหมาะกับสินค้าที่มีราคาแพงในตลาดที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม Locad Thailand ขอยกตัวอย่าง เป็นการผลิตเครื่องบิน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาสูง ไม่ใช่ว่าจะมาคาดการณ์เอาลอยๆ ได้ว่าลูกค้าจะซื้อจำนวนเท่าไร แต่จะมีคำสั่งผลิตมาจากสายการบินโดยตรงเลย
- กลยุทธ์แบบผสม (Hybrid supply chains strategy)
แนวคิดนี้จะรวมเอา 2 กลยุทธ์ที่กล่าวมาข้างต้นเข้าด้วยกัน ทั้งจากการคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาด
และลูกค้าสั่งผลิต
ซึ่งจะพิจารณาตำแหน่งในการสต๊อกสินค้าตามข้อจำกัดหรือเงื่อนไขของสินค้านั้นไ ยกตัวอย่างเช่น สินค้าที่เป็น
วัตถุอันตรายหรือสารเคมี คุณควรที่จะแยกมันออกจากสินค้าประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม
เมื่อคุณได้เลือกกลยุทธ์การจัดวางตำแหน่งของสินค้าคงคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปคือการเลือกสถานที่ที่ เหมาะสมในการสต๊อกของ โดยพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง จำนวนสินค้า เส้นทางขนส่งสินค้า และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สูตรกำหนดตำแหน่งสินค้าคงคลัง
ตำแหน่งของสินค้าคงคลังส่งผลต่องานด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เติมสต๊อกสินค้า ความสะดวกและ
รวดเร็วในการหยิบ แพ็ค และจัดส่งสินค้า คุณสามารถใช้สูตรต่อไปนี้ คำนวณหาตำแหน่งที่เหมาะสมและ
ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณมากที่สุด
ตำแหน่งสินค้าคงคลัง=(สินค้าคงคลังในมือ + สินค้าคงคลังในระหว่างสั่งซื้อ) – สินค้าที่ยังไม่ได้ส่งให้ลูกค้า
บทสรุป
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมตำแหน่งสินค้าคงคลังจึงสำคัญกับธุรกิจ มันช่วยให้ คุณจัดการสินค้า ทั้งหมดได้อย่างเป็นระบบ
ระเบียบ จัดการออเดอร์ที่เข้ามารัวๆ จากหลายๆ ช่องทางอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้พื้นที่ในคลังสินค้า
อย่างมีประโยชน์ ยิบสินค้าได้ง่ายและรวดเร็ว เพิ่มคุณภาพให้กับคลังสินค้า ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลูกค้าแฮปปี้ คุณก็แฮปปี้เช่นกัน