มหกรรมช้อปหยุดโลก 11.11 Double Days Sale แบรนด์อีคอมเมิร์ซเตรียมตัวอย่างไร?  

มหกรรมชอปปิ้งครั้งใหญ่ประจำเดือนพฤศจิกายนใกล้เข้ามา 11.11 Double Day Sale เป็นวันที่ทั้งนักช้อปและผู้ค้าอีคอมเมิร์ซต้องหน้าตั้งตารอคอย

11.11 วันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน เป็นวันคนโสด (Single Day) ถือเป็นช่วงเวลาของการช้อปปิ้งครั้งใหญ่ประจำปีเลยก็ว่าได้ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ 11.11 ได้รับความนิยมคือ Alibaba ซึ่งเป็นหนึ่งช่องทางอีคอมเมิร์ซยอดนิยม ได้สร้างปรากฎการณ์และยอดขายถล่มถลาย และทำให้หลายๆ แบรนด์อีคอมเมิร์ซมียอดขายประจำปีเพิ่มขึ้นถึง 25% 

ที่มาของ 11.11 Double Days Sale

ที่มาของมหกรรมลดกระหน่ำ 11.11 มาจากวันโซลี่เดย์ (Singles’ Day) เป็นวันหยุดของคนโสดชาวจีน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน คนโสดจะใช้เวลากับครอบครัวเพื่อเฉลิมฉลอง และมักจะซื้อของขวัญหรือของมีค่าเป็นรางวัลให้กับตัวเอง ซึ่งทำให้วันโซลี่เดย์มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ว่า “Double 11” กลายเป็นวันช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในปี 2018 Alibaba ทำรายได้ได้มากถึง 30.8 พันล้านดอลลาร์ จากการขายในวันเดียวในมหกรรม 11.11 Double Days Sale และมีความคาดหวังจะเพิ่มยอดขายของร้านค้าอีคอมเมิร์ซไปสู่ระดับนานาชาติ

11.11 Double Days Sale สำหรับ Lazada และ Shopee

สรุปสถิติแคมเปญ 11.11 ของ Lazada และ Shopee ในประเทศไทย

Lazada ทำยอดยามได้กว่า 200% และจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 120% เมื่อเทียบกับแคมเปญ Lazada 11.11 Biggest One Day Sale ในปี 2022 เพียงแค่ 2 ชั่วโมงแรกของแคมเปญ เรียกได้ว่าทุบทุกตัวเลขในวงการอีคอมเมิร์ซเลย สินค้ายอดนิยมโดนใจหล่านักช้อป ได้แก่ น้ำหอม เข็มกลัดแฟชั่น และนมกล่อง

• แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน Laz Mall ก็คือ Sabina, MamyPoko, BabyLove 
• ไอเทมยอดฮิตติดกระแส  ได้แก่ เสื้อผ้าผู้หญิง สกินแคร์ เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว 
• เครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือครองแชมป์สินค้าที่มียอดขายสูงที่สุด รองลงมาคือ เครื่องฟอกอากาศและหม้อทอดไร้น้ำมัน

มาพูดถึง Shopee 11.11 Big Sale ปี 2022 มียอดออเดอร์เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในชั่วโมงแรก เมื่อเทียบกับแคมเปญนี้ในปีก่อนหน้า ทั้งยังมียอดขายรวมกว่า 70 ล้านชิ้น

• แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด: Unilever, 3M, Xiaomi, American Tourister, Sabina, Babylove 
• หมวดหมู่สินค้าที่ขายดีที่สุด คือ ความงามและของใช้ส่วนตัว, เครื่องใช้ในบ้าน, และมือถือและอุปกรณ์เสริม เป็นต้น

4 ทริค แบรนด์อีคอมเมิร์ซ เตรียมตัวรับมือกับ 11.11 Double Day Sale

1. ทีมหลังบ้านต้องเเข็งแกร่ง เตรียมออเดอร์ พร้อมจัดส่ง

หากคุณเคยเข้าร่วมแคมเปญ Double Day Sale มาบ้างแล้ว คุณจะเข้าใจดีว่าเมื่อมีออเดอร์เข้ามารัวๆ ในเทศกาลช้อปหยุดโลกแบบนี้ ถล่มงานหลังบบ้านของธุรกิจอย่างแน่นอน! คุณจะต้องวางแผนจัดเตรียมออเดอร์ให้พร้อมจัดส่งในแต่ละ SKU (Stock Keeping Unit)

เพื่อป้องกันภาวะหัวหมุนจากการออเดอร์ในช่วงเวลาพีคๆ คุณต้องสร้างทีมหลังบ้านให้แข็งแรง ตั้งแต่ทีมแอดมิน ทีมขาย ทีมการตลาด ทีมหลังบ้านแพ็คของส่งของและดูแลสต๊อกสินค้า พร้อมกับระบบจัดการออเดอร์ (Order Management System หรือ OMS) และระบบควบคุมงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ (Warehouse Management System หรือ WMS) ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ นี่คือสาเหตุที่ผู้ให้บริการจัดการสินค้าและคลังสินค้าาออนไลน์ หรือผู้ให้บริการ Fulfillment เข้ามามีบทบาทในแวดวงอีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้น

ผู้ให้บริการ Fulfillment จะเข้ามาดูแลงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ทั้งหมดให้กับคุณ ตั้งแต่การจัดเก็บ แพ็ค และจัดส่งสินค้า จะเลือกผู้ให้บริการจัดการสินค้าทั้งที ต้องเลือกบริการที่ครบจบในที่เดียว มีพื้นที่คลังสินค้าพร้อม ทีมงานแพ็คพร้อม มีเครือข่ายขนส่งที่น่าเชื่อถือไม่ว่าคุณจะจัดส่งภายในประเทศหรือต่างประเทศในราคาพิเศษ มีระบบจัดการสต๊อกและออเดอร์ที่ทันสมัย รวมทั้งมีทีมบริการลูกค้าที่เชี่ยวชาญเรื่องคลังสินค้าและโลจิสติกส์สแตนบายเมื่อมีปัญหา

การมีผู้เชี่ยวชาญจัดการเรื่องหลังบ้านให้นั่นดีอย่างไร?

• มีโปรแกรมดึงออเดอร์ได้หลายช่องทางการขาย, ทั้งบนเว็บไซต์, แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลคอมเมิร์ซ
• ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ประหยัดต้นทุนโดยรวมของธุรกิจ
• ได้ค่าเช่าพื้นที่คลังและค่าขนส่งราคาพิเศษ
• บริการยืดหยุ่น รองรับการเติบโตของธุรกิจ
• ลดภาระงาน ปล่อยให้เรื่องการจัดการสต๊อก-ออเดอร์เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการ Fulfillment
• ไม่ต้องเสียเวลาเทรนด์งานหลังบ้าน
• จัดการออเดอร์ทัน Fast Fulfillment Rate (FFR) ของ Lazada
• จัดการออเดอร์ทัน SLA ของ Marketplace
• จัดการสต๊อก-ออเดอร์แม่นยำ พร้อมจัดส่งถึงมือลูกค้าทันใจและปลอดภัย

ต้องการบริการ Fulfillment ที่ควบคุมคุณลักษณะดังกล่าว ติดต่อ Locad Thailand บริการจัดการสินค้าและคลังสินค้า พร้อมจัดส่งสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก

2. Deals จัดโปรเอาใจนักช้อปออนไลน์

ข้อเสนอ (Offer) เป็นสิ่งที่สำคัญในการประกอบธุรกิจ สิ่งที่เรานำเสนอให้ลูกค้า แต่โปรนั้นก็ต้องน่าสนใจและสามารถดึงดูดลูกค้าได้จริง

คุณจะต้องทราบว่าสินค้าชนิดไหนเป็นสินค้ายอดนิยม จากนั้นจัดโปรโมชั่นที่สามารถดึงดูดนักช้อป ส่งข้อมูลสินค้านั้นให้เข้าร่วมโปรโมชั่นแฟลชเดอลในร้านของคุณเพื่อเพิ่มการมองเห็นให้กับร้านค้าของคุณในมาร์เกตเพลส ไม่ว่าจะเป็น Shopee หรือ Lazada

ยกตัวอย่างการจัดโปรโมชั่น คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ เช่น จัดโปรราคาพิเศษ หรือโปรส่งฟรี งัดไม้ตายออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า การจัดโปรโมชั่นไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มการมองเห็น แต่ยังเปิดโอกาสในการสร้างยอดขายและสร้างฐานลูกค้าให้กับแบรนด์ของคุณอีกด้วย

3. เตรียมข้อมูลสินค้าให้ โปรโมทในทุกแพลตฟอร์ม

รูปภาพหรือวีดีโอพร้อมรายละเอียดของสินค้าที่ชัดเจนเป็นตัวกลางที่จะช่วยคุณสื่อสาร

• ตั้งชื่อสินค้าตาม Keywords ยอดนิยมของแพลตฟอร์มนั้นๆ
• รูปภาพจะต้องมีความคมชัด รายละเอียดสูง โชว์ให้ลูกค้าเห็นหลายๆ มุมของสินค้า พร้อมวิธีการใช้งาน
• ใส่คำบรรยายสินค้าให้กระชับ เข้าใจง่าย และชัดเจน เช่น ราคา สี ขนาด วัสดุที่ใช้ผลิต และข้อควระวัง (หากมี) เป็นต้น

เมื่อคุณเตรียมข้อมูลครบถ้วนแล้ว อย่าลืมโปรโมทหรือสื่อสารลงในช่วงทางต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, Google Ads, หรือ Line ให้เลือกเเพลตฟอร์มและเวลาในการโปรโมทที่เหมาะสมกับสินค้าและแบรนด์ของคุณ​ นอกจากนี้หากคุณมีหน้าร้านออฟไลน์ คุณสามารถสื่อสารเรื่องเทศกาล 11.11 ด้วยโปสเตอร์ ตั้งไว้หน้าร้านได้อีกด้วย

4. เตรียมสต๊อกสำรองพร้อม มีชัยไปกว่าครึ่ง!

ในเทศกาลช้อปหยุดโลกแห่งปีอย่าง 11.11 Double Day Sale แบบนี้ บอกเลยว่าอย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาด! ออเดอร์อาจจะเข้ามาในจำนวนที่คุณคาดไม่ถึง ปัญหาที่ตามมาคือของหมด ไม่พอขาย นี่แหละคือจุดเสียโอกาสในการขายสินค้าของคุณ

เราไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสในการขายสินค้า แนะนำให้แบรนด์อีคอมเมิร์ซเตรียมสต๊อกสำรองเอาไว้ให้พร้อม สมมติคุณเตรียมสต๊อกสินค้าไว้ 100 ชิ้น แต่เมื่อวิเคราะห์จากยอดขายที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทางที่ดีสำหรับธุรกิจ และมีแนวโน้มที่ยอดขายจะพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าในมหกรรม 11.11 นี้ คุณควรที่จะเตรียมสต๊อกเผื่อไว้ซัก 10-20 เท่า ตามความเหมาะสม