การกระจายสินค้า (Distribution Logistics) เป็นส่วนหนึ่งของโลจิสติกส์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อยอดธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ วันนี้ Locad Thailand มีบทความเกี่ยวการกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์เพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาฝาก ไปลุยกันเลย!
กระบวนการโลจิสติกส์จะครอบคลุมเรื่องการจัดการสินค้า รักษาสต๊อกให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค และจัดการคำสั่งซื้อที่เข้ามา ดูแลให้สินค้าไหลเวียนในคลังได้อย่างราบรื่น ตลอดจนส่งมอบสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางอย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพื่อเสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า การกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์ช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณได้เชื่อมโยงเครือข่ายด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น
การกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์คืออะไร?
การกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์เป็นส่วนย่อยส่วนหนึ่งของระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตและฐานตลาด และสำหรับแบรนด์ DTC หรือเรียกเต็มว่า Direct to Customers ที่ขายสินค้าผ่านช่องทางของตัวเอง ไม่พึ่งแพลตฟอร์มอีตอมเมิร์ซ จะดำเนินการรับสินค้าจากซัพพลายเออร์ จัดการเก็บ-แพ็ค-ส่ง และส่งไปพัสดุไปยังศูนย์กระจายสินค้าในท้องถิ่น เพื่อรอพนักงงานขนส่งมารับและส่งมอบให้กับลูกค้าในที่สุด
นอกจากนี้ โลจิสติกส์การกระจายสินค้ายังมีหน้าที่จัดเก็บสินค้า จัดการสินค้า เตรียมสินค้าเพื่อจัดส่ง และขนส่งไปยังลูกค้าปลายปลายทาง ซึ่งภายใต้ขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่ายตั้งแต่ซัพพลายเออเดอร์ โรงงานผลิตสินค้าหรือฝ่ายผลิต คลังสินค้า และบริษัทขนส่ง
จุดประสงค์ของการกระจายสินค้าผ่านระบบโลจิสติกส์
ภารกิจหลักของการกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์คือการสร้างสมดุลให้กับซัพพลายเชนตามความต้องการของผู้บริโภคในตลาดอีคอมเมิร์ซ มีจุดประสงค์ของการกระจายสินค้าผ่านระบบโลจิสติกส์ มีดังต่อไปนี้
เพื่อเตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับการขาย
การกระจายสินค้านผ่านระบบโลจิสติกส์ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีสต๊อกสินค้าที่เพียงพอเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา
เพื่อลดต้นทุนให้กับธุรกิจ
การกระจายสินค้าด้วยระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ ประมวลคำสั่งซื้อ ตลอดไปจนถึงขนส่งสินค้าได้รวดเร็วและประหยัดเวลานั่นเอง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า
การส่งมอบสินค้าตรงเวลาถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันยาวนานและยั่งยืนกับลูกค้า การกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์ช่วยให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพของการจัดส่งสินค้าที่ราบรื่นและรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
เพื่อส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การสื่อสารสำหรับสำหรับการทำธุรกิจ หากธุรกิจของคุณมีระบบการกระจายสินค้าที่โปร่งใส่ ก็จะทำให้การดำเนินงานและการสื่อสารภายในและภายนอกธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ประเภทของการกระจายสินค้า : การกระจายสินค้าโดยตรง และทางอ้อม
การกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การกระจายสินค้าโดยตรงและทางอ้อม
ช่องทางกระจายสินค้าโดยตรง
ช่องทางการขายสินค้าโดยตรงช่วยให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงจากร้านค้าอีคอมเมิร์ซ ทางแบรนด์จะสต๊อก แพ็ค และส่งสินค้าด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันทางเเบรนด์จะต้องลงแรงและเงิน ไหนจะต้องหาพื้นที่จัดเก็บสินค้าที่เพียงพอ ไหนจะเรื่องค่าจัดส่งสุดโหด และถ้าจะต้องติดตั้งระบบติดตามสินค้า หรือยิงบาร์โค้ด ก็ใช้เงินทุนอีกใช่ไหมหล่ะ หลายๆ แบรนด์ได้ลงทุนติดตั้งระบบจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ เพื่อจัดการคำสั่งซื้อและขนส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้น
ช่องทางกระจายสินค้าทางอ้อม
การมีผู้ให้บริการโลจิสติกส์ช่วยจัดการสินค้า จัดการออเดอร์ สต๊อก แพ็ค และส่งสินค้า รวมถึงดูเเลสินค้าที่ถูกตีกลับให้กับแบรนด์อีคอมเมิร์ซ เป็นการกระจายสินค้าทางอ้อม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ตัดขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นออกไป เเละเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคำสั่งซื้อและงานด้าน โลจิสติกส์นั่นเอง
เคล็ดไม่ลับ พัฒนาการการกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์
จะรู้ได้อย่างไรว่า ระบบการกระจายสินค้าของธุรกิจคุณนั้นมีประสิทธิภาพ ลองพิจารณาตามตัวชี้วัดดังต่อไปนี้
- การวางแผนกลยุทธ์ที่ยั่งยืน – ในการพัฒนาการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการวางแผนงานที่เหมาะสม ธุรกิจควรวางเเผนเรื่องการจัดหาสินค้า การจัดส่ง จัดเก็บ แพ็ค และจัดส่งสินค้าที่ละเอียดรอบคอบ ข้อดีของการวางแผนคือคุณจะรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างให้สำเร็จไปใฝนแต่ละขั้นตอน
- คาดการณ์ความต้องการในตลาดอย่างแม่นยำ– ใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือที่เหมาะสมในการสำรวจและวิเคราะห์ว่าผู้บริโภคต้องการสินค้าของคุณมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะพิจารณาว่าควรเติมสินค้าในสต๊อกหรือไม่
- นำเทคโนโลยีใช้ให้เกิดประโยชน์– เมื่อออเดอร์เข้ามารัวๆ การมีระบบการจัดการสินค้าจึงสำคัญสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะมันจะช่วยให้คุรส่งมอบสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้รวดเร็วและแม่นยำ และสามารถเช็คสถานะของสินค้าภายในคลังและในขณะขนส่งได้แบบเรียลไทม์
- หาตัวช่วยด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ : เป็นวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณกระจายสินค้าได้ไปยังลูกค้าได้อย่างราบรื่นขึ้น ไม่เพียงแค่ช่วยให้กระบวนการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าราบรื่นและรวดเร็ว แต่ยังช่วยลดต้นทุนและขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพิ่มความแม่นยำ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้านั่นเอง
ข้อดีของการกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์
การกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจจัดเก็บสินค้า จัดการคำสั่งซื้อ และจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ตลอดจนช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตและพุ่งชนเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ว่าแต่ข้อดีที่พูดภึงจะมีอะไรบ้างไปดูกัน
- มีเครือข่ายการจัดส่งสินค้าที่มีคุณภาพ – ด้วยพาร์ทเนอร์ด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการจัดการสินค้าและจัดส่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- มีศูนย์บริการ Fulfillment เกิดขึ้นมากมาย– เมื่อธุรกิจด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์มีระบบการจัดการที่มีคุณภาพ ส่งผลทำให้มีตีแผ่การกระจายสินค้าและบริการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าไปอย่างกว้างขวางในสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการยกระดับธุรกิจด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ให้ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งต่อยอดธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
- ลดต้นทุนให้กับธุรกิจ– หากธุรกิจของคุณมีระบบการจัดส่งสินค้าที่มีคุณภาพ การส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าปลายทางก็จะราบรื่นและเร็วขึ้น ลูกค้าแฮปปี้แน่นอน
- แบ่งเบาภาระในการขนส่ง– หมดความกัวลด้านการจัดส่งสินค้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศูนย์บริการ Fulfillment
- สร้างความโปร่งใสให้กับธุรกิจ – ลดต้นทุนในการจัดส่งสินค้า และไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
อุปสรรคของการกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์
เมื่อสักครู่เราได้ทราบถึงข้อดีของการกระจายสินค้าในระบโลจิสติกส์ไปแล้ว เราพูดถึงข้อเสียกันบ้างดีกว่า
- ต้นทุนการใช้เชื้อเพลิงหรือน้ำมันเพิ่มขึ้น– เราต้องใช้น้ำมัน ไฟฟ้า หรือแก๊สเพื่อทำให้รถขนส่งหรือยานพาหนะเคลื่อนที่ได้ และในปัจจุบัน ราคาเชื้อเพลิงเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น
- ขาดระบบอัตโนมัติที่เชื่อถือได้ – กลไกด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่เหมาะสมนั้นหายาก อาจจะต้องหาข้อมูล ศึกษาการทำงาน หรือสอบถามผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- มีกฎระเบียบและข้อบังคับด้านโลจิสติกส์– การติดตั้งระบบกระจายสินค้ายังมีกฎหมายและข้อบังคับหลายประการที่ศูนย์บริการคลังสินค้า บริษัทขนส่งและธุรกิจอีคอมเมิร์ซต้องปฏิบัติตาม
- ระวังเรื่องการสื่อสาร – เนื่องจากในกระบวนการซัพพลายเชน มีขั้นตอนต่างๆ มากมาย ฝ่ายต่างๆ จะต้องประสานงานและสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ ความผิดพลาดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจส่งผลเสียกับขั้นตอนอื่นๆ ได้นั่นเอง
- ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรหาทางแก้ไข – หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่ผู้ให้บริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ต้องเผชิญ ได้แก่ ปัญหาทางกายภาพบางอย่าง เช่น สภาพถนนที่ไม่ดี สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย พบเจอเครือข่ายคลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ พื้นที่ไม่พอเก็บสินค้า และการจัดส่งไม่มีประสิทธิภาพ
บทสรุป
การกระจายสินค้าในระบบโลจิสติกส์เป็นกระบวนการที่ครอบคลุมตั้งแต่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากแหล่งผลิต ผ่านการจัดเก็บ แพ็ค และส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าปลายทาง เป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีให้กับลูกค้าในยุคนี้