ในยุคดิจิทัล ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้แววงธุรกิจสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน ธุรกิจต่างๆ จึงต้องหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย หลายๆ แบรนด์ก็ได้หันมาพึ่งเทคโนโลยีเพื่อจัดระเบียบธุรกิจให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ระบบจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัล หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Digial Inventory เป็นตัวช่วยในการจัดการสินค้าภายในคลัง คุณจะสามารถติดตามสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งในบทความนี้ Locad Thailand จะพาผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซทุกท่านมาทำความรู้จักกับระบบจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัลกัน
Digital Inventory คืออะไร?
การรวบรวมของทรัพย์สินดิจิทัลมาใช้ในการจัดการสินค้าในคลัง เพื่อตอบสนองความต้องการของของผู้บริโภค ระบบจัดการสินค้าคงคลังแบบดิจิทัลมีทำให้คุณสามารถติดตามระดับสินค้าในสต๊อกและติดตามสถานะของสินค้าได้ตลอดเวลา รวมทั้งช่วยป้องกันการสูญหายและสินค้าถูกขโมย
ทางแบรนด์สามารถติดตามการซื้อและการขายผ่านระบบจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัล ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และย่นระยะเวลาในการดำเนินงานในคลังสินค้าให้สั้นลง ทำให้สินค้าส่งถึงมือลูกได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไร้ข้อผิดพลาด
ระบบจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัลช่วยลดข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน ปรับปรุงการทำงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดึงคำสั่งซื้อจากหลายๆ ช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วยระบบเดียว ช่วยควบคุมสินค้าคงคลัง แจ้งยอดคำสั่งซื้อ และแสดงยอดขายและผลประกอบการของธุรกิจ เป็นต้น
“หาของไม่เจอ” “เอ่อ…ตอนนี้สินค้ามันไปถึงขั้นตอนไหนแล้วนะ” ขจัดปัญหาเหล่านี้ออกไป หากคุณมีระบบจัดการสินค้าคงคลังแบบดิจิทัล ซึ่งจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ได้แก่ ป้าย RFID (Radio Frequency Identification) หรือ ระบบอัตโนมัติ สแกนคิวอาร์โค้ดกับสินค้าแต่ละรายกายได้เลย
ระบบจัดการสินค้าคงคลังแบบดิจิทัลทำงานอย่างไร?
ทางแบรนด์สามารถติดตามสถานะของสินค้าในคลังได้ด้วยแอพพลิเคชั่น เจ้าของธุรกิจสามารถอัปโหลดรูปภาพหรือสแกนสินค้าคงคลังที่มีอยู่ได้เลย \
ด้วยความสะดวกสบายที่สืบเนื่องมากจากเทคโนโลยี ผู้คนส่วนมากใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวัน หลายๆ แบรนด์ก็เริ่มมาใช้ระบบสินค้าคงคลังแบบดิจิทัลกัน เพราะพวกเขาสามารถติดตามสถานะสินค้าและเช็คระดับสต๊อกได้ง่ายและตลอดเวลาเพียงแค่กดเข้าแอพพลิเคชั่นบนมือถือ แถมยังไม่ต้องเปลืองกระดาษ หรือพื้นที่เก็บเอกสารอีกด้วย
ด้วยระบบติดตามสินค้าคงคลังแบบดิจิทัล คุณจะสามารถเช็คสินค้าในสต๊อกได้ทุกชิ้น ช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง
ความแตกต่างระหว่าง ระบบจัดการสต๊อกแบบดั้งเดิม VS ระบบจัดการสต๊อกแบบดิจิทัล
ระบบจัดการสต๊อกแบบดั้งเดิม เป็นการดูแลสินค้าภายในคลังรูปแบบเก่า พนักงานจะบันทึกกยอดด้วยตนเอง ซึ่งใช้เวลานานและใช้แรงงานคนจำนวนมาก
ด้วยสินค้าคงคลังแบบดั้งเดิม ทางแบรนด์จะต้องตรวจสอบรายการสินค้าคงคลัง เทียบกับยอดขายหรือจำนวนสินค้าในสต็อกด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก บวกกับเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
การจัดการสินค้าคงคลังแบบดั้งเดิมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม หรือสินค้าถูกขโมย เพราะทางแบรนด์จะไม่สามารถเห็นหรือรับรู้ถึงสถานะของสินค้าในคลังได้ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ ธุรกิจก็จะนิยมใช้เทคโนโลยีการสแกนบาร์โค้ด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงนี้และเพิ่มความแม่นยำงานการดำเนินงานในคลังสินค้า แต่เทคโนโลยีการสแกนบาร์โค้ดไม่ยังสามารถลดความเสี่ยงที่ของจะถูกขโมยได้อย่างครอบคลุม
ข้อเสียอีกหนึ่งอย่างของการจัดการสินค้าคงคลังแบบดั้งเดิมก็คือ ค่าใช้จ่ายสูง และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหลายๆ แบรนด์ยังคงใช้การจัดการสินค้าคงคลังแบบเก่าอยู่
ระบบสินค้าคงคลังดิจิทัล (Digital inventory หรือ Hardware-as-service) เป็นแนวคิดสมัยใหม่ ผสมผสานการจัดการสินค้าคงคลังแบบดั้งเดิมและออนไลน์ออกมาเป็นเวอร์ชั่นที่ตอบโจทย์ผู้ค้าอีคอมเมิร์ซในยุคปัจจุบันมากที่สุด ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เจ้าตัวระบบดิจิทัลนี้สามารถติดตามตำแหน่ง สภาพ และความพร้อมของสินค้าในคลังได้ตลอดเวลา นอกจากนี้มันยังสามารถแจ้งระบบสต๊อก รวมทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจได้อีกด้วย
ยังไม่หมดเท่านั้น เรื่องความโปร่งใสนี่ต้องยกให้ระบบสินค้าคงคลังแบบดิจิทัลเลย เพราะมันสามารถควบคุมการขาย รายได้ และค่าใช้จ่ายโดยรวมของธุจกิจได้แบบอัตโนมัติ คุณสามารถวิเคราะ์ข้อมูลหลังบ้านในการตัดสินค้าทางด้านการผลิต ขาย และหากลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อีกด้วย
แต่เช่นเดียวกับการจัดการสินค้าคงคลังทุกประเภท ผู้ประกอบการทั้งหลายของพิจารณาอย่างรอบครอบ
- เพราะสินค้าคงคลังดิจิทัลมีราคาแพงกว่าแบบดั้งเดิม ต้องอัปเดต ปรับปรุง และบำรุงรักษาระบบอยู่เรื่อยๆ
- อีกอย่างก็คือ ระบบคลังสินค้าดิจิทัล ไม่ได้เชื่อถือได้ 100% ความผิดพลาดได้ตลอดเวลา
ความท้าทายของระบบจัดการสินค้าคงคลังแบบดั้งเดิม
เมื่อสินค้ากองโตในคลัง การจัดการสินค้าคงคลังจึงเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ แต่ระบบดั้งเดิมก็ดูเหมือนจะดำเนินการไม่ทันใจผู้บริโภคในตลาดอีคอมเมิร์ซ ความท้าทายที่เกิดขึ้นในระบบคลังสินค้าแบบดั้งเดิมมีดังต่อไปนี้
หน้าที่หลักของระบบคลังสินค้าแบบดิจิทัล
หน้าที่ของระบบคลังสินค้าแบบดิจิทัลมี 8 ข้อดังต่อไปนี้ …
ติดตามสถานะสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์
นี่คือสิ่งสำคัญของระบบการจัดการสินค้าคงคลัง ทางแบรนด์สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของสต็อกได้แบบเรียลไทม์ และพร้อมวางแผนการดำเนินงานภายในคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามสภาพสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำ
นับสต๊อกสินค้าและเช็คสภาพว่า มีสินค้าที่เน่าเสีย หมดอายุ หรือชำรุดหรือไม่ได้อย่างแม่นยำ
เช็คระดับสต๊อกได้ตลอดเวลา
แจ้งปริมาณของสินค้าที่จัดเก็บเอาไว้แบบเรียลไทม์ ให้คุณวางแผนการผลิตและรักษาความสมดุลของสินค้าในคลังได้ง่ายขึ้น เมื่อสินค้าใกล้หมด ก็จะได้เติมสต๊อกได้ทันท่วงที
จัดการซัพพลายเออร์ได้อย่างราบรื่น
ระบบสินค้าคงคลังอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมกระบวนการจัดซื้อสินค้ามาขาย ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อทั้งหมดมาไว้ในระบบเดียว
รายงานผลเกี่ยวกับสินค้าคงคลังได้อย่างถูกต้อง
ระบบสินค้าคงคลังดิจิทัลจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าในสต๊อกที่ถูกต้องแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ตั้งแต่วันที่ติดตั้งระบบ คุณสามารถเช็คข้อมูลย้อนหลังได้
ระบบจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัลช่วยติดตามสินค้าเป็นล้อตๆ ได้อีกด้วย
หยิบ แพ็ค ส่ง ที่ยืดหยุ่นได้
Digital inventory system allow the company to maintain a high degree of control and flexibility in the logistics operations of the supply chain management. It will enable the supply chain management to optimize the route for better performance and productivity.
ดึงออเดอร์จากหลายๆ แพลตฟอร์ม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การมีช่องทางการขายในตลาดอีคอมเมิร์ซหลายแห่งนั้นสำคัญ เพราะมันเชื่อมต่อลูกค้าได้ง่ายขึ้น ด้วยระบบจัดการสินค้าคงคลังจะช่วยให้คุณจัดการออเดอร์ที่เข้ามารัวๆ จากหลายๆ แพลตฟอร์มได้ง่าย พร้อมจัดการออเดอร์ให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ประโยชน์ของระบบสินค้าคงคลังดิจิทัล
Locad ได้ลิสต์ประโยชน์ของการจัดการสินค้าคงคลังแบบดิจิทัลไว้ให้ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้
ติดตามสินค้าคงคลังแบบ Omnichannel
โซลูชันการจัดการสินค้าคงคลังแบบดิจิทัลช่วยให้คุณติดตามสินค้าคงคลังหลายๆ ชิ้นอัตโนมัติ ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลไว้ในแดชบอร์ดเดียว
ลดค่าใช่จ่ายในการจัดการสต๊อกที่ไม่จำเป็น
ระบบสินค้าคงคลังดิจิทัลจะแจ้งข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงของการใช้จ่ายส่วนเกินที่อาจะเกิดขึ้นได้
ควบคุมสต๊อกได้แบบเรียลไทม์
ระบบจะแจ้งระดับสินค้าในคลัง ว่าใกล้หมดหรือยัง คุณก็จะได้วางแผนการจัดซื้อหรือการสั่งผลิตได้ล่วงหน้า ตัดปัญหาสต๊อกขาด หรือสต๊อกเกินไปได้เลย
ลดข้อผิดพลาดในการจัดการสินค้าคงคลัง
เจ้าตัวระบบนี้จะตรวจสอบสินค้าคงคลังและแจ้งข้อมูลแบบอัตโนมัติ ลดข้อผิดพลาด เก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าถูกต้องตามคำสั่งซื้อของลูกค้า
ส่งเสริมประสิทธิภาพของซัพพลายเชนในธุรกิจ
จัดเก็บสินค้าเป็นระบบ แพ็คและจัดส่งไว ทันใจลูกค้า ทำให้เห็นว่าคุณมีการจัดการสินค้าและซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อความมั่งคงและรายได้ของธุจกิจอีกด้วย
ข้อควรปฏิบัติในการจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัล
A significant part of improving internal efficiency and building an efficient supply chain process involves incorporating digital innovations. Some best practices to improve inventory management are:
จัดการสต๊อกอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ มีแนวทางปฏิบัติ ข้อ ได้แก่…
Implement an efficient digital management system
- ใช้ระบบการจัดการดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ
ระบบจัดการสต๊อกที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การทำงานในคลังสินค้าราบรื่นและรวดเร็ว คุณจะสามารถเก็บข้อมูล ติดตามความเคลื่อนไหวของสินค้าในคลัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับ KPI ที่ได้ตั้งไว้
ระบบการจัดการดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพช่วยให้คุณเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ลดค่าใช้จ่ายและข้อผิดพลาดได้ในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยต่อยอกธุรกิจของคุณให้เติบโตในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง
ติดตั้งระบบจัดการสินค้าคงคลังแบบอัตโนมัติ
มีระบบจัดการสินค้าคงคลังให้เลือกมากมายหลายรูปแบบในปัจจุบัน ตั้งแต่แอพพลิเคชั่นที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพา ไปจนถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งในคลังสินค้าเพื่อสแกน QR แบบอัตโนมัติ
ระบบอัตโนมัตินี้ช่วยติดตามสินค้าหลักจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาและแจ้งเวลาที่สั่งซื้อ ซึ่งคุณจะรู้ว่าตอนนี้สินค้าเพียงพอที่จะขายหรือไม่ พร้อมทั้งยังช่วยติดตามว่าคำสั่งซื้อถูกยกเลิกได้อีกด้วย
เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการจัดการคลังสินค้า
การจัดการสินค้าคงคลังเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการคลังสินค้าทั้งหมด เหมือนขาหนึ่งของกระบวนการโลจิสติกส์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพรวมของงานด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ย่อมดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งรวมไปถึงการจัดการบุคลากร ตรวจสอบใช้อุปกรณ์ในคลังว่าใช่งานได้ดีหรือเปล่า ระบบการจัดการคลังสินค้าสมัยใหม่ จะถูกออกแบบเพื่อช่วยให้ธุรกิจต่างๆ จัดการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
คลังสินค้าที่ดีเกิดขึ้นได้หากคุณมีจัดการสินค้าภายคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับสต๊อกต้องสมดุล สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซ แจ้งข้อมูลของสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและแรงงานคนให้กับธุรกิจได้ดีกว่าการจัดการสินค้าคงคลังแบบดั้งเดิม
ทั้งหมดทั้งมวล คุณจะต้องหันกลับมาโฟกัสที่แบรนด์และฐานลูกค้าของคุณ จากนั้นค่อยไปศึกษาระบบต่างๆ เลือกระบบที่เหมาะกับความต้องการ ขนาด และเงินทุนของธุรกิจ
เลือกพาร์ทเนอร์ เพื่อจัดการสต๊อกให้เหมาะสม
ในยุคดิจิทัล มองไปทางไหนก็มีแต่คนทำธุรกิจออนไลน์ ระบบจัดการสต๊อกจึงได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ของผู้ค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ดำเนินการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้าได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งแต่ละระบบก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย คุณควรที่จะศึกษาแต่ละระบบอย่างละเอียด พร้อมเปรียบเทียบบริการและราคา เพื่อเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับแบรนด์คุณ
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกพาร์ทเนอร์ด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ ต้นทุน ประเภทของระบบจัดการสต๊อก ความสะดวกในการใช้งาน บริการลูกค้า และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นต้น
บทสรุป
สินค้าคงคลังแบบดั้งเดิม คือ การจัดการสต๊อกแบบแมนนวล ควบคุมอุปกรณ์ เครื่องมือ สินค้า และวัสดุต่างๆ ด้วยแรงงานคน ส่วนการจัดการสินค้าคงคลังดิจิทัล หมายถึง การใช้ระบอัตโนมัติในการดูแล ควบคุม และตรวจสอบสินค้าภายในคลัง ระบบจัดการสต๊อกแบบดิจิทัลมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนค้างสูง มีค่าบำรุงรักษาในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ สำหรับผู้ประกอบการท่านไหนที่กำลังมองหาระบบจัดการสต๊อกแบบดิจิทัล แนะนำให้เลือกระบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
